แนะนำ 10 มือถือ Android ยี่ห้อไหนดี 2020 สเปคสูง ถ่ายรูปสวย ทำ Vlog ลื่น เล่นเกมไม่มีสะดุด

โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนเป็นไอเทมที่กลายเป็นปัจจัยที่ 5 สำหรับการดำเนินชีวิตของผู้คนในยุคดิจิทัล และค่ายสมาร์ทโฟนได้มีการพัฒนาฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์จุดประสงค์การใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความคมชัดของกล้องถ่ายรูปทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โหมดถ่ายรูปทั้งโหมด Portrait, Wide Angle รวมไปถึงระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า และรองรับการเล่นเกมบนสมาร์ทโฟน โดยสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายอยู่ในตลาดมีให้เลือกซื้อหลากหลายแบรนด์ แต่ระบบปฎิบัติการของมือถือกลับมีเพียงแค่ 2 ระบบใหญ่ ๆ ที่คนนิยมใช้กัน คือ Android และ iOS หรือที่เราเรียกง่าย ๆ ว่า เจ้าหุ่นยนต์เขียวกับ Apple นั่นเองครับ

แต่ระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ระบบ Android เพราะเป็นระบบที่ให้ผู้ผลิตมือถือทุกเจ้าสามารถใช้ได้ ไม่เหมือนกับ iOS ที่ต้องเป็นผลิตภัณฑ์ของ Apple เท่านั้น ทำให้มือถือ Android มีหลากหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น Samsung, Huawei หรือ แม้แต่ Nokia ก็หันกลับมาใช้ระบบ Android ด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าด้วยความหลากหลายของมือถือ Android นี่เอง ทำให้ผู้ที่ต้องการจะซื้อมือถือ Android อาจจะงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้จะซื้อมือถือ Android ยี่ห้อไหนดี แต่ละแบรนด์ก็ขยันปล่อยมือถือ Android รุ่นใหม่ ๆ ออกมามากมายเต็มไปหมด แต่ไม่ต้องเป็นกังวลครับ แค่อ่านบทความนี้ แนะนำ 10 มือถือ Android ยี่ห้อไหนดี สเปคสูง ถ่ายรูปสวย ทำ Vlog ลื่น เล่นเกมไม่มีสะดุด เพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการซื้อมือถือ Android และสุดท้าย คุณอาจจะได้มือถือ Andrioid สักเครื่องติดไม้ติดมือกลับไปครับ

แน่นอนว่าระบบปฏิบัติการที่ผู้คนรู้จักและเข้าถึงได้มากที่สุดในโลกนี้คือ ระบบปฏิบัติการ Android ทำให้มีแบรนด์สมาร์ทโฟนหลายแบรนด์ได้เลือกใช้ระบบปฏิบัติการนี้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าหลายแบรนด์จะใช้งานระบบปฏิบัติการแบบเดียวกัน แต่จุดเด่นของแต่ละแบรนด์ก็มีความแตกต่างกันออกไป อยากรู้แล้วใช่ไหมครับ ว่ามีแบรนด์ไหนขายมือถือ Android บ้าง? ไปทำความรู้จักกันดีกว่าครับ

Samsung : ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่จากประเทศเกาหลี ซึ่งไม่ได้วางจำหน่ายเพียงแค่สมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังจำหน่ายสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์อีกมากมายทั้ง โทรทัศน์ ตู้เย็น และแอร์ เป็นต้น โดยในไลน์การผลิตสมาร์ทโฟนนั้น เริ่มทำการผลิตและวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 1990

ซึ่งจากระยะเวลาที่เปิดตัวมาอย่างยาวนาน ทำให้เป็นแบรนด์หนึ่งที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เนื่องจากมีสมาร์ทโฟนวางจำหน่ายอยู่ในตลาดแทบทุกระดับ ตั้งแต่สมาร์ทโฟนระดับล่างไปจนถึงสมาร์ทโฟนระดับ High End ยี่ห้อ Samsung มักจะเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ และเรือธงของแบรนด์นี้มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น คือ Samsung Galaxy S Series และ Note Series นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่เป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานอย่าง Samsung Galaxy Fold และ Z Flip อีกด้วยครับ

Huawei : อีกหนึ่งค่ายมือถือยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกเช่นกัน โดยจุดเด่นของแบรนด์จะเน้นไปที่ การเปิดตัวฟีเจอร์และการพัฒนาของกล้องมือถือให้กับทุกรุ่นที่เปิดตัวออกมา ซึ่ง Huawei มีการก่อตั้งบริษัทมาตั้งแต่ปี 1987 โดยในช่วงแรกของการก่อตั้ง ยังคงเป็นแบรนด์ไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากนัก

แต่ในภายหลังกลับได้รับความนิยมอย่างมาก หลังจากการเปิดตัวเรือธงอย่าง Huawei P Series และ Mate Series ซึ่งปลุกกระแสความน่าสนใจของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี โดยในปัจจุบันถึงแม้จะถูกตัดขาดจากการใช้งาน Google Mobile Service ไปแล้ว แต่ก็ยังคงมียอดขายที่เติบโตขึ้นอยู่เรื่อย ๆ และล่าสุดได้มีการเปิดตัวรุ่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่เช่นเดียวกับทาง Samsung คือ Huawei Mate X ที่เป็นมือถือจอพับรุ่นแรก ๆ ของโลกที่ถูกเปิดตัวและวางจำหน่าย ส่งผลให้ Huawei เป็นแบรนด์ที่ถูกจับตามองอยู่ไม่น้อยในเลยครับ

Xiaomi : แบรนด์จีนน้องใหม่ไฟแรงที่พึ่งก่อตั้งไปเมื่อปี 2013 ซึ่งในปัจจุบันมีฐานลูกค้าที่เป็นวงกว้างอย่างมาก จากการผลิตสินค้าที่เน้นดีไซน์เรียบง่าย ราคาประหยัด และความคุ้มค่า นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาและวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย เช่น สมาร์ทวอทช์ อุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟน หรือแม้แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ส่งผลให้เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมที่มียอดขายเป็นอันดับที่ 4 ของโลกเลยทีเดียว โดยเรือธงของ Xiaomi จะเน้นไปที่การจัดเต็มสเปคมาในราคาย่อมเยามากกว่าแบรนด์อื่น ๆ อีกทั้งข้อดีของ Xiaomi คือ มีศูนย์บริการแล้วในประเทศไทย ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการหาซื้อ หรือการซ่อมแซมสินค้าเลยแม้แต่น้อยครับ

Redmi : อีกแบรนด์จีนน้องใหม่ที่มีการเปิดตัวมาในปี 2013 และได้เซ็นสัญญากลายเป็นแบรนด์ย่อยของ Xiaomi เมื่อปี 2019 โดยเน้นเปิดตัวและวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนในระดับกลางไปจนถึงระดับล่าง ซึ่งปกติจะเป็นรุ่นที่ราคาต่ำกว่า 10,000 บาท และจัดสเปคของมือถือมาในราคาที่คุ้มค่า สำหรับการวางจำหน่ายสินค้าของ Redmi เนื่องจากเป็นแบรนด์ย่อยของ Xiaomi ทำให้การวางจำหน่ายสินค้าจะทำผ่านช่องทางของแบรนด์หลัก ส่งผลให้ไม่จำเป็นจะต้องตั้งศูนย์บริการของตัวเองเพิ่มภายในประเทศไทย โดยในปัจจุบันสามารถพบเห็นสินค้าวางจำหน่ายตามศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์ IT และมีหลายคนที่ใช้งานสมาร์ทโฟนจากค่ายนี้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

Oppo : อีกแบรนด์จากประเทศจีนที่มีวางจำหน่ายมาอย่างยาวนานในประเทศไทย ซึ่งเคยได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายปีก่อน โดยแบรนด์นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม BKK Electronics ซึ่งประกอบด้วย Oppo, Realme, Oneplus และ Vivo สำหรับค่ายนี้เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2001 และเคยเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของประเทศจีนในปี 2016 นอกจากนี้ยังมียอดขายของสมาร์ทโฟนสูงเป็นอันดับ 5 ของโลกในปีที่ผ่านมา โดยจุดเด่นของสมาร์ทโฟน Oppo จะเป็นกล้องเซลฟี่และแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนาน และรุ่นเรือธงที่มีวางจำหน่ายในปัจจุบันของแบรนด์นี้ คือ Oppo Find X และ Oppo Reno ซึ่งสเปคค่อนข้างคุ้มค่ากับราคา และมียอดขายอยู่ไม่น้อยในประเทศไทยครับ

Vivo : หนึ่งในแบรนด์จีนที่อยู่ในกลุ่มของ BKK Electronics เช่นเดียวกับ Oppo ซึ่งสองค่ายนี้เป็นมีเจ้าของเป็นบริษัทเดียวกัน ทำให้จุดเด่นของ Vivo ก็เน้นไปที่กล้องเซลฟี่เช่นเดียวกัน โดยค่ายนี้เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2009 ในส่วนของการทำการตลาด จะเน้นไป ที่สมาร์ทโฟนระดับกลาง ซึ่งมีฐานลูกค้าที่ค่อนข้างมากในประเทศไทย นอกจากนี้ยังเคยติดอันดับ 1 ใน 10 ของแบรนด์ที่สร้างสมาร์ทโฟนได้ดีที่สุดในโลกอีกด้วย สำหรับเรือธงตัวล่าสุด Vivo Nex ถูกเปิดตัวไปเมื่อปี 2019 แต่ก็ยังคงไม่ได้รับความนิยมมากนักเมื่อเทียบกับเจ้าตลาดในประเทศไทย

Oneplus : เริ่มดำเนินการก่อตั้งธุรกิจเมื่อปี 2013 เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ในกลุ่ม BKK Electronics โดยจุดเด่นของ Oneplus คือ การออกสมาร์ทโฟนในสเปคเรือธง แต่วางจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าเรือธงรุ่นอื่น ๆ อย่างมาก ทำให้ในต่างประเทศ แบรนด์นี้มียอดขายสมาร์ทโฟนที่ค่อนข้างสูง เรื่องการผลิตสินค้าเอง ก็ได้ใช้ฐานการผลิตร่วมกันกับ Oppo และในส่วนของการทำการตลาด จะเน้นไปที่สมาร์ทโฟนราคากลางไปถึงสูง และจัดเต็มสเปคที่เกินกว่าราคา โดยเรือธงตัวล่าสุดของคือ Oneplus 7T Pro ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2019 ซึ่งจากความคุ้มค่าของสเปคและราคาที่ถูกกว่าเรือธงของเจ้าอื่น ส่งผลให้รุ่นนี้ได้รับฉายาว่าเป็น Flagship Killer ไปเลยทีเดียวครับ

Realme : แบรนด์จีนล่าสุดที่อยู่ในกลุ่ม BKK Electronics และยังเป็นแบรนด์ลูกของ Oppo ซึ่งเริ่มทำการวางจำหน่ายในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2018 ด้วยสมาร์ทโฟนราคากลาง และหลังจากเริ่มการทำการตลาดได้ไม่นาน ก็ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จอยู่ไม่น้อย เนื่องจากผู้บริหารของ Realme ที่เคยมีดีกรีเป็นถึงรองประธานบริหารของบริษัท Oppo ซึ่งก็มีประสบการณ์ในสังเวียนนี้มาอย่างยาวนาน ทำให้สามารถทำการตลาดในสมาร์ทโฟนระดับกลางไปถึงไปล่างได้ค่อนข้างดี สำหรับเรือธงของ Realme ตัวล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ คือ Realme X50 Pro 5G แต่ในเรื่องการแข่งขันของสมาร์ทโฟนเรือธง แบรนด์ Realme ก็ยังคงไม่สามารถสร้างยอดขายให้เทียบเท่ากับเจ้าตลาดในประเทศไทยได้ดีนัก

Nokia : แบรนด์มือถือยักษ์ใหญ่ที่เคยมีอิทธิพลอย่างมากในอดีต หลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนในยุคของสมาร์ทโฟนกลับทำได้ไม่ดีและไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เนื่องจากการใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone ซึ่งเป็นระบบที่ใช้งานค่อนข้างยาก ทำไห้ไม่ได้รับความนิยมในวงกว้างเหมือน Andriod ส่งผลให้ผู้ผลิต Application หลาย ๆ เจ้าไม่สร้าง Application ลงในระบบ จึงเป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกทิ้งร้างในที่สุด และ Nokia ได้ถูกซื้อไปโดย Microsoft จนกระทั่งสุดท้ายก็หมดสัญญา และกลับมาผลิตสมาร์ทโฟนภายใต้ชื่อของ Nokia อีกครั้ง พร้อมกับการใช้งานระบบปฏิบัติการ Android

โดยจุดเด่นหลักที่มักจะทำให้ผู้คนนึกถึงแบรนด์ Nokia คือ ความคงทนและความแข็งแรงของตัวเครื่อง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ในอดีตจะเคยเป็นค่ายมือถือได้รับความนิยมจากคนไทยอย่างมาก แต่การกลับมาด้วยระบบ Andriod ครั้งนี้ ก็ยังคงไม่สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดไปได้ดีเท่าที่ควร แต่ก็ยังเป็นแบรนด์ที่ถูกจับตามองจากสื่อหลายประเทศ และหลาย ๆ คนหวังว่าจะมีลูกเล่นหรือนวัติกรรมใหม่ ๆ จากค่ายนี้ ได้นำมาเสนอให้ชาวโลกได้รับชมกันครับ

• เนื่องจากเป็นระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนที่ถูกผู้ผลิตเลือกใช้บนสมาร์ทโฟนมากที่สุด ส่งผลให้มีผู้ใช้งานที่สามารถเข้าถึงได้เป็นจำนวนมาก โดยจากสถิติล่าสุดของผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการทุกค่าย ก็ยืนยันแล้วว่า Android เป็นระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกตอนนี้

• เนื่องจากมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากทำให้มีโอกาสต่ำมากที่ระบบปฏิบัติการนี้จะถูกลอยแพจากการอัพเดต ซึ่งด้วยเหตุนี้ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถไว้วางใจในการซื้อสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งานระบบปฏิบัติการนี้ได้ ซึ่งหนึ่ง Generation ของ Android ที่เปิดตัว จะรองรับการอัพเดตอยู่นานหลายปีเลยทีเดียว

• เนื่องจากเป็นระบบที่ใช้บนสมาร์ทโฟนทุกระดับ ตั้งแต่รุ่นล่างยันเรือธง ส่งผลให้ตัวเลือกที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีให้เลือกมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้

• ถึงแม้ว่าค่ายสามาร์ทโฟนมากมายเลือกใช้งานระบบปฏิบัติการ Android แต่ทุกแบรนด์ก็สามารถสร้างความแตกต่างกันทาง Interface ได้ โดยแต่ละแบรนด์จะมีการสร้าง UI เพื่อครอบทับระบบปฏิบัติการของตัวเอง เช่น EMUI ซึ่งเป็น UI ที่ถูกใช้งานโดยสมาร์ทโฟนแบรนด์ Huawei หรือ OneUI ซึ่งเป็น UI ที่ถูกใช้งานโดยมือถือตระกูล Samsung Galaxy เป็นต้น

• เนื่องจากมีฐานลูกค้าที่ค่อนข้างมาก ทำให้มีนักพัฒนาแอปพลิเคชั่นจำนวนมาก ได้ทำการสร้างแอปดี ๆ มากมาย ทั้งแบบฟรีและเสียเงินในระบบ ให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้กันอย่างหลากหลายเลยครับ อีกทั้งตัวแอปพลิเคชั่นที่โหลดมาใช้งาน ก็มีการอัพเดตอยู่เสมอ ๆ ไม่ต้องกลัวว่า จะไม่มีแอปให้ใช้เลยครับ

• เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การเชื่อมต่อมีความสะดวกสบายมากขึ้น ทั้งการส่งผ่านข้อมูลก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่แนบโทรศัพท์ที่รองรับ NFC เข้าด้วยกัน หรือแม้แต่การจ่ายเงินผ่าน NFC โดยการผูกบัตรไว้กับแอปพลิเคชั่นที่รองรับ ทำให้สามารถจ่ายเงินร้านค้าได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือแม้แต่เงินสดเลยครับ

หลังจากที่ได้รู้จักแบรนด์มือถือ Android ที่มีขายอยู่ในปัจจุบันไปแล้ว ก็ถึงเวลาไปดูมือถือ Android ทั้ง 10 ตัวกันครับ จะมียี่ห้อไหน? รุ่นไหน? ที่น่าสนใจกันบ้าง ในลิสต์นี้เรามีคำตอบให้ครับ

Samsung Galaxy Z Flip เป็นหนึ่งในภาคต่อของสมาร์ทโฟนเปลี่ยนโลกอย่าง Samsung Galaxy Fold ซึ่งเป็นโทรศัพท์จอพับที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Android รุ่นแรก ๆ ของโลก โดยในรุ่นแรก ถึงแม้จะมีราคาเปิดตัวที่ค่อนข้างสูงเอามาก ๆ แต่ภายหลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน ก็สามารถขายหมดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ทาง Samsung จึงเห็นโอกาส แล้วออกสมาร์ทโฟนแบบพับรุ่นที่ 2 ตามมาติด ๆ ครับ

โดยรุ่น 2 หรือ Galaxy Z Flip ดีไซน์ของเครื่องได้แรงบันดาลใจมาจากตลับแป้งของผู้หญิง ทำให้มีความสะดวกในการพกพามากกว่าสมาร์ทโฟนปกติ อีกทั้งยังมีหน้าจอแสดงผลถึงสองหน้าจอ เมื่อกางออกมาแล้วจะมีขนาดใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว เห็นชัดเจนเต็มตาอย่างแน่นอน พร้อมด้วยหน้าจอแบบ Dynamic AMOLED ที่ให้การแสดงผลของแสงและสีครบทุกรายละเอียด ตัวเครื่องก็ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 855+ สามารถรองรับการเล่นเกมที่ต้องใช้สเปคสูงได้แทบทุกเกม และยังมีหน่วยความจำชั่วคราวให้มาที่ 8 GB ทำให้ประมวลผลได้ไวมาก รวมถึงพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 256 GB ทำให้สามารถเก็บไฟล์ทั้งรูปถ่ายและวีดีโอได้มากพอ ๆ กับเครื่องคอมเลยครับ

ด้านกล้องหน้าก็มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล อาจจะดูธรรมดา ๆ แต่ความพิเศษอยู่ที่กล้องหลังครับ ที่ให้มาทั้งหมด 2 ตัว ประกอบด้วย เลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และเลนส์ Ultrawide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล จะใกล้ไกลก็ถ่ายภาพได้หลายมุม พร้อมด้วยความละเอียดคมชัด เพิ่มเติมด้วยการถ่ายวิดีโอ 4K 60 Fps ที่อัดวีดีโอแบบคุณภาพได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 3,300 mAh อาจจะไม่ได้ให้มามากเท่าตัวอื่น ๆ แต่ถ้าใช้งานไม่หนักมาก สามารถอยู่ได้ทั้งวันแบบสบาย ๆ อีกทั้งยังเป็นมือถือที่รองรับ 5G ด้วย ทำให้ใช้งาน Galaxy Z Flip ต่อได้ยาว ๆ หลายปีอย่างแน่นอนครับ

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากในรุ่นแรกกับมือถือกล้อง Pop-up อย่าง Oppo Find X1 ทำให้ทางบริษัท Oppo ได้ออกจำหน่าย Oppo Find X2 Pro ซึ่งเป็นภาคต่อจากรุ่นแรก แต่มีการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์เล็กน้อย เนื่องจากกล้องแบบ Pop-up เป็นกล้องที่ผู้ใช้งานหลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแรงของตัวกล้อง ทำให้ทาง Oppo มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้กล้องแบบเจาะรูบนหน้าจอแทน โดยจะยังคงให้สเปคแบบจัดเต็ม และเน้นไปที่การถ่ายภาพเป็นหลัก จุดเด่นของกล้องรุ่นนี้ คือ สามารถถ่ายภาพซูมได้ระยะที่ไกลสุดถึง 100 เท่า

ตัวเครื่องก็ใช้ชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Qualcomm Snapdragon 865 ที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากกว่ารุ่นเดิมถึง 25 % พร้อมด้วยหน่วยความจำชั่วคราว 12 GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 512 GB เก็บรูปภาพได้มากกว่า 1,000 ภาพอย่างแน่นอน ตัวกล้องหลังก็ให้มาทั้งหมด 3 ตัว ประกอบด้วย เลนส์ Wide 48 ล้านพิกเซล เลนส์ Ultrawide 48 ล้านพิกเซล และเลนส์ Telephoto 13 ล้านพิกเซล ไม่เพียงเท่านั้น กล้องหน้าก็ให้มาที่ 32 ล้านพิกเซล ! ภาพที่ได้ไม่ว่าจะกล้องหน้าหรือกล้องหลังก็สวยคมชัด เก็บรายละเอียดครบ สมกับเป็นแบรนด์ที่เน้นเรื่องกล้องถ่ายรูปจริง ๆ ครับ แต่ด้านการถ่ายวีดีโออาจจะทำได้ไม่ดีเท่ากับแบรนด์เรือธงตัวอื่นเท่าไรนัก เพราะทำได้ที่ 4K 30 Fps เท่านั้น

จัดเรื่องกล้องมาแบบเต็ม ๆ แล้ว Oppo Find X2 Pro เองก็ยังมีจุดเด่นในเรื่องของแบตเตอรี่อีกด้วย ที่ใส่มามากถึง 4,260 mAh จะใช้งานหนักหน่วงแค่ไหน ก็ไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมดก่อนหมดวันแน่นอนครับ และยังรองรับการชาร์จเร็วที่ 65 วัตต์ ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100 % ได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 38 นาทีเท่านั้น ! ถือว่าเป็นอะไรที่ประหยัดเวลาได้มาก อีกทั้งยังรองรับการใช้งาน 5G อีกด้วย สเปคจัดหนักจัดเต็มขนาดนี้ แฟน ๆ Android ต้องลองมาหาใช้สักเครื่อง แล้วจะติดใจอย่างแน่นอนครับ

Huawei P40 Pro เป็นมือถือ Android ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยทาง Huawei ได้พัฒนาฟังก์ชันหลายอย่างให้ดีขึ้นจากรุ่นเดิม สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้ก่อนเลยคือ ดีไซน์ตัวเครื่องที่มีความทันสมัยมากขึ้น จากการใช้กระจกขอบโค้งรอบด้านแบบ Flex OLED และมีการเปลี่ยนรูปแบบของกล้องหน้าเล็กน้อยจากเแบบ Notch มาใช้เป็นแบบเจาะรู ทำให้พื้นที่หน้าจอถูกใช้ได้อย่างเต็มที่ และด้วยขอบจอทั้ง 4 ด้าน ที่ถูกออกแบบให้โค้งลงรับกับมือมากขึ้น ส่งผลให้ตัวเครื่องมีความบางลงกว่ารุ่นเดิมครับ

สำหรับชิปเซ็ต ทางแบรนด์เลือกใส่ Kirin 990 ทำให้เครื่องทำงานได้แรงและเร็ว และรองรับฟังก์ชั่นการใช้งาน 5G ทำให้สามารถใช้งานมือถือเครื่องนี้ได้อีกนาน พร้อมด้วย Ram ขนาด 8 GB และ Rom ขนาด 256 GB สามารถจุรูปได้หลายพันอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ได้พัฒนากล้องถ่ายภาพให้ดียิ่งขึ้น โดยมีกล้องหน้าเป็นกล้องคู่ความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล และมีการใส่กล้องหลังถึง 3 ตัว ที่ความละเอียด 50, 40 และ 12 ล้านพิกเซล เพิ่มเติมด้วยเซ็นเซอร์ 3D Dept ไว้ใช้สำหรับวัดความชัดลึกของวัตถุ ทำให้รูปภาพที่ถ่ายออกมา เรียกได้ว่ามีความละเอียดคม ชัด สวย และดูมีมิติมากเลยทีเดียว

ส่วนงานวิดีโอก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ความละเอียด 4K 60 Fps ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง จึงทำให้ไม่พลาดภาพเคลื่อนไหวที่สวยคม เพื่อเก็บความทรงจำต่าง ๆ อีกทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องเครื่องจะดับก่อนเวลาอันควร เพราะตัวเครื่องมาพร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาด 4,200 mAh มีพลังงานเหลือเฟืออย่างแน่นอน ที่สำคัญ ยังรองรับฟีเจอร์การชาร์จไว HUAWEI SuperCharge 40 วัตต์ แต่น่าเสียดายที่ไม่รองรับการใช้งาน Google Mobile Service ทำให้ไม่สามารถใช้งาน Google, Gmail หรือ Google Map ได้ ใครที่ชีวิตประจำวันต้องพึ่งพาหรือต้องทำงานผ่าน Google อาจจะต้องลองมองหามือถือแบรนด์อื่นดูนะครับ

กลับมาที่แบรนด์ Samsung กันอีกครั้ง กับสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปตัวล่าสุดของค่าย ที่ได้ทำการเรียกชื่อรุ่นแบบใหม่ จากของเดิม Galaxy S11 ได้ถูกเปลี่ยนเป็น Samsung Galaxy S20 Series แทน โดยรุ่น Ultra ได้กลายมาเป็นรุ่นที่มีสเปคสูงสุดแทนรุ่น Plus ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของตัวมือถือรุ่น Ultra อาจจะดูเดิม ๆ คล้ายกับรุ่นก่อนหน้า แต่ได้มีการดีไซน์กล้องถ่ายรูปให้เป็นรูปแบบใหม่ โดยเปลี่ยนการจัดเรียงตำแหน่งกล้องเป็นแบบสี่เหลี่ยม ทำให้การเปลี่ยนเลนส์มีความลื่นไหลมากขึ้นทั้งในการถ่ายภาพและวิดีโอ

โดยกล้องหลังจัดมาให้แบบเต็ม ๆ กันถึง 3 ตัว ที่ความละเอียด 108, 12 และ 48 ล้านพิกเซล เพิ่มเติมประสิทธิภาพการถ่ายรูปด้วยเซนเซอร์ Depthvision ที่ไว้ใช้สำหรับวัดความชัดลึกของวัตถุ อีกทั้งตัวกล้องก็สามารถทำการซูมได้สูงสุดถึง 100 เท่า ทำให้ภาพถ่ายที่ได้มีความละเอียด คม สวย คุณภาพรูปน้อง ๆ กล้องมือโปรเลยครับ เท่านั้นยังไม่พอ กล้องหลังว่าจัดเต็มแล้ว กล้องหน้าก็ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน ด้วยความละเอียดที่ 40 ล้านพิกเซล ! แทบจะเป็นกล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงสุด มากกว่าทุกแบรนด์เลยครับ รับรองได้ว่าเซลฟี่สวยเด่นอย่างแน่นอน ส่วนงานวีดีโอ ถ่ายได้ที่ความละเอียด 4K 60 Fps ทำให้ถ่ายงานได้ดีเลยทีเดียว

เรื่องกล้องก็อัพเกรดกันไปแล้ว ความสามารถของเครื่องก็อัพด้วยเช่นกัน ด้วยการใช้ชิปเซ็ต Exynos 990 ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง ควบคู่ไปกับ Ram ขนาด 12 GB และ Rom ขนาด 128 GB เครื่องทำงานแรงและเร็วอย่างแน่นอน อีกทั้งตัวชิปเซ็ตก็ถูกพัฒนาให้รองรับการใช้งาน 5G ได้ สามารถใช้งานได้ยาว ๆ ครับ พร้อมด้วยหน้าจอแบบ Dynamic AMOLED ขนาด 6.9 นิ้ว ขนาดค่อนข้างใหญ่ มองเห็นได้แบบเต็มตา และก็ทำให้แบตเตอรี่มีขนาดใหญ่ตามไปด้วยที่ 5,000 mAh ! ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน โดยไม่จำเป็นต้องพกพาสายชาร์จหรือพาวเวอร์แบงค์แม้แต่ชิ้นเดียวครับ แฟนพันธ์แท้ Samsung ต้องหามาใช้อย่างด่วน ๆ เลยครับ

Xiaomi เป็นแบรนด์ที่จำหน่ายสินค้าครอบจักรวาลจริง ๆ ครับ ไม่เว้นแม้แต่สมาร์ทโฟน Xiaomi Mi 10 เป็นมือถือ Andriod ที่เหมาะสำหรับคนชอบเล่นเกมบนมือถือ เนื่องจากมีการใส่ฟีเจอร์ Super VC Liquid Cooling ทำให้อุณหภูมิของเครื่องคงที่ที่ 10.5 องศา ช่วยป้องกันไม่ให้ตัวเครื่องร้อนจนเกินไปขณะใช้งาน และมาพร้อมโหมด Game Turbo 3.0 ทำให้สามารถควบคุมการใช้ทรัพยากรในการเล่นเกมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เท่านั้นยังไม่พอ ด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 865 และอัตราการรีเฟรชเรทที่เร่งได้สูงสุดถึง 180 Hz ช่วยให้สามารถเล่นได้เกมได้หลากหลาย โดยที่ไม่มีอาการกระตุกขณะเล่นแม้แต่น้อย เรียกได้ว่า ออกแบบมาสำหรับคอเกมตัวจริงเสียงจริง

มือถือ Xiaomi Mi 10 ใช้หน้าจอเป็นแบบ Curved AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว มีหน้าจอขนาดใหญ่ เห็นชัดเจน กดเล่นเกมได้มันสะใจแน่ครับ และใช้ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย MIUI 11 ที่มีการเพิ่มฟีเจอร์จากรุ่นที่แล้ว เช่น Dark Mode, Always On Display หรือการอัพเดต Browser ให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น ตัวกล้องหลังก็ให้มาถึง 4 ตัว ที่ความละเอียด 108, 13, 2 ล้านพิกเซล และใช้งานคู่กับเลนส์สำหรับวัดความชัดลึกที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รวม ๆ แล้วสามารถใช้ถ่ายรูปได้ดี ไม่แพ้พวกเรือธงแบรนด์ยักษ์ใหญ่เลยครับ

แต่ที่ทำได้ดีกว่าใคร ๆ เลยคือ เรื่องของการถ่ายวีดีโอ เพราะ Xiaomi Mi 10 สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดได้ที่ 8K 30 Fps ความคมชัดสูงมาก ซึ่งยังไม่มีแบรนด์ไหนที่สามารถทำได้ครับ และแน่นอนว่า เป็นมือถือที่ทำออกมาสำหรับคนเล่นเกมขนาดนี้ เรื่องแบตเตอรี่ไม่ต้องกังวลเลยครับ เพราะมีขนาดถึง 4,780 mAh ใช้งานได้นาน เล่นเกมได้อย่างจุใจแน่นอน เท่านั้นยังไม่พอ มาพร้อมด้วยฟังก์ชั่นการชาร์จเร็ว ที่สามารถชาร์จแบตให้เต็มได้ภายในไม่กี่นาที สุดท้ายยังรองรับการใช้งาน 5G ซื้อแล้วใช้งาน เล่นเกมได้ยาว ๆ เลยครับผม

ย้อนกลับไปสู่สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วอย่าง Samsung Galaxy Note Series ที่มีจุดเด่นอยู่ที่หน้าจอขนาดใหญ่ และปากกา S Pen ที่บ่งบอกความเป็นสมาร์ทโฟนตระกูล Note ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวปากกาเอง ก็ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นจากรุ่นก่อน เพิ่มความรู้สึกในการเขียนที่ใกล้เคียงกับการเขียนบนกระดาษมากขึ้น นอกจากนี้ ตัวปากกายังมีฟังก์ชั่นการใช้งาน ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานอีกมากมาย เช่น การกดปุ่มที่ปากกาเพื่อการถ่ายภาพ การจดบันทึกหน้าจอได้ในขณะล็อค เป็นต้น พูดได้ว่า S Pen เป็นไอเทมที่ทำให้ใครหลาย ๆ คน เลือกใช้มือถือ Samsung Galaxy Note 10 + เลยครับ

เนื่องจากเป็นรุ่นที่เปิดตัวมาเมื่อปีที่แล้ว ชิปเซ็ตจึงค่อนข้างล้าหลังกว่ารุ่นอื่น ๆ โดยชิปเซ็ตที่ให้มาเป็น Exynos 9825 แต่ก็ยังคงมีความแรงค่อนข้างสูงอยู่ สามารถใช้งานได้อย่างสบาย ๆ ครับ ตัวมือถือก็ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) ครอบทับด้วย One UI 1.5 ที่มาพร้อมหน้าจอ Dynamic AMOLED ขนาดใหญ่ 6.8 นิ้ว เรียกได้ว่าเหมือนกับเป็นสมุดโน้ตย่อ ๆ ได้เลยครับ เพิ่มเติมด้วย Ram ขนาด 12 GB เครื่องประมวลผลได้ไว และ Rom เริ่มต้นที่ 256 GB เพียงแค่นี้ ก็สามารถเก็บไฟล์ รูปภาพ วีดีโอได้เยอะมาก ไม่ต้องกลัวพื้นที่เต็มเลยครับ

ส่วนเรื่องงานภาพและวิดีโอ Note 10 + ก็มีกล้องหลังมาทั้งหมด 3 ตัว ที่ความละเอียด 12, 16 และ 10 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยกล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล อาจจะถ่ายรูปได้ไม่ละเอียดเท่าพวกมือถือด้านบน ๆ แต่ก็ยังถือว่าทำได้ดี รูปที่ได้ก็ยังสวยคมอยู่ครับ ส่วนการถ่ายวีดีโอก็ทำได้ตามมาตรฐาน ที่ความละเอียด 4K 60 Fps อีกทั้งยังใช้งานได้ตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ขนาด 4,300 mAh แทบจะไม่ต้องชาร์จระหว่างวันเลยครับ ถึงแม้ว่าจะไม่รองรับการใช้งาน 5G ก็ตาม เพราะเป็นรุ่นของปีที่แล้ว แต่ก็ทำให้ราคาย่อมเยาลงมา โดยที่สเปคก็ยังถือว่าสูงมาก ใครที่มือถือเก่าเริ่มไม่ไหวแล้ว อยากได้มือถือเครื่องใหม่ ก็ลองมอง ๆ ดู Samsung Galaxy Note 10 + ได้ครับ

แบรนด์มือถือในตำนานอย่าง Nokia หลังจากที่ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการ Andriod จึงทำให้เริ่มกลับมาเป็นที่น่าสนใจอีกครั้งจากหลาย ๆ คน โดยทางแบรนด์ Nokia จะเน้นจุดเด่นไปที่การถ่ายรูปและวิดีโอของตัวมือถือครับ โดยเฉพาะตัวใหม่ล่าสุดอย่าง NOKIA 9 Pure View ที่ทาง Nokia เคลมมาว่า ใช้ถ่ายรูปแล้ว คุณภาพไฟล์รูปที่ได้ จะให้คุณภาพที่แทบจะเทียบเท่ากับกล้องมือโปรเลยทีเดียว และสามารถนำไฟล์ไปใช้งานต่อในด้านกราฟฟิกหรือโฆษณาได้เลยครับ ไม่ต้องไปต่อคอมให้เสียเวลาครับ

สาเหตุที่ไฟล์รูปมีคุณภาพสูงเป็นเพราะว่า Nokia ได้ใส่กล้องหลังมาให้ถึง 5 ตัว ! โดยแต่ละตัวก็มีความละเอียดที่ 12 ล้านพิกเซล ทำให้เวลาถ่ายรูปในแต่ละครั้ง กล้องทั้ง 5 จะช่วยกันประมวลผลให้ได้รูปที่สวยคมชัดที่สุดนั่นเอง แต่ก็ต้องแลกมากับการประมวลผลของการถ่ายภาพในแต่ละครั้งที่ค่อนข้างนานกว่าปกติ ทำให้ NOKIA 9 Pure View อาจจะถูกใจผู้ที่ต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนด้านงานถ่ายภาพเป็นหลัก มากกว่าการใช้งานด้านเกมหรือไลฟ์สไตล์แบบอื่น ๆ

ส่วนสเปคอื่น ๆ ก็จัดมาให้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 845 ที่มีความแรงมาก พร้อมแรม 6 GB ยิ่งช่วยเครื่องทำงานได้ดีขึ้นไปอีก อีกทั้งมีหน้าจอ P-OLED ขนาด 5.99 นิ้ว หน้าจออาจะไม่ใหญ่มากเท่าตัวอื่น ๆ แต่ก็ทำให้พกพาง่ายกว่าครับ และรันบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) พร้อมกับพื้นที่เก็บข้อมูล 128 GB ที่เก็บไฟล์รูปภาพได้หลายพันรูปอย่างแน่นอน ส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 3,320 mAh ถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ทาง Nokia จึงทำให้มือถือรุ่นนี้ รองรับมาตรฐานการชาร์จไว ซึ่งช่วยได้อย่างมากเวลาแบตใกล้หมดครับ ใครที่ยังคิดถึง Nokia เป็นสาวกแบรนด์นี้อยู่ ก็ลองเล่นมือถือตัวนี้ดูนะครับ คุณภาพไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

สำหรับใครที่เป็นสายเซลฟี่คงต้องมอง ๆ แบรนด์ Vivo ก่อนเลยครับ เพราะเซลฟี่ถือว่าเป็นจุดเด่นของแบรนด์นี้เลย โดยมือถือ Vivo V19 ได้ยกระดับการเซลฟี่ขึ้นไปอีก ด้วยกล้องหน้าที่เป็นแบบกล้องคู่ ความละเอียดที่ 32 และ 8 ล้านพิกเซล เพิ่มเติมด้วยฟีเจอร์ที่จัดเต็มด้านการเซลฟี่ เช่น โหมด Super Night Selfie ช่วยให้สามารถถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืนได้สว่างและคมชัดมากยิ่งขึ้น เซลฟี่ว่าดีแล้ว กล้องหลังเองก็ถูกพัฒนาขึ้นเช่นกัน ใส่กล้องหลังมาให้ถึง 4 ตัว ที่ความละเอียด 48, 8, 2, และ 2 ล้านพิกเซล จะเซลฟี่ตัวเองหรือถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ ก็ได้รูปที่สวยคม รายละเอียดครบอย่างแน่นอน

นอกจากเรื่องกล้องแล้ว Vivo เองก็ได้ดีไซน์ให้เครื่องมีความทันสมัย สวย บาง น้ำหนักเบา สามารถจับถือได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งได้เปลี่ยนมาใช้กล้องหน้าแบบเจาะรู ทำให้พื้นที่ใช้สอยบนหน้าจอมีขนาดที่มากขึ้นอยู่ที่ 6.44 นิ้ว พร้อมแสดงผลหน้าจอแบบ Super AMOLED อาจจะแสดงผลได้สวยสู้รุ่นเรือธงไม่ได้ แต่ก็ถือว่าทำได้ดีพอตัว ส่วนเรื่องชิปเซ็ตก็ได้ Qualcomm Snapdragon 712 ที่เป็นชิปเซ็ตสำหรับสมาร์ทโฟนระดับกลาง พร้อมด้วย Ram ขนาด 8GB และ Rom ขนาด 128 GB ก็ถือว่าเครื่องทำงานได้แรงใช้ได้ และยังเก็บรูปได้อีกหลายพันรูปด้วยครับ

ตัวเครื่องก็มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 10 หน้าตา UI ลักษณะเฉพาะของ Vivo ที่ใช้งานง่าย นอกจากนี้ด้านแบตเตอรี่เอง ก็ถือว่าให้มาเยอะมาก ด้วยขนาดแบตที่ 4,500 mAh สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน แบตไม่หมดอย่างแน่นอน หรือถ้าแบตหมด ก็ยังมีฟังก์ชั่นการชาร์จเร็ว 33 วัตต์ แบบ Vooc Charge ที่ช่วยให้ชาร์จแบตได้ไวอีกด้วย จัดสเปคมาแบบจัดหนักจัดเต็ม ด้วยราคาที่ย่อมเยากว่าพวกเรือธง ก็ถือว่าเป็นมือถืออีกตัวที่น่าเล่นมากครับ

Realme 6 Pro เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีจุดเด่นอยู่ที่หน้าจอ ด้วยขนาดที่ใหญ่มากถึง 6.6 นิ้ว และใช้ดีไซน์กล้องหน้าเป็นแบบเจาะรูบนหน้าจอ ทำให้มีพื้นที่การใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น เรียกได้ว่า สามารถกด สั่ง ใช้งานได้ทุกพื้นที่ พร้อมด้วยการแสดงผลหน้าจอแบบ IPS-LCD ที่แสดงผลได้สีมีความสดและคมชัดมาก และด้วยอัตราการรีเฟรชหน้าจอระดับสูงถึง 9o Hz ทำให้การเล่นเกมหรือดูหนังไม่มีสะดุด ภาพหน้าจอสามารถแสดงได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งกระจกหน้าจอก็ทำมาจาก Gorilla Glass 5 ที่มีความแข็งแรงและทนต่อแรงกระแทกได้ดีมาก ส่งผลให้เป็นมือถือ Andriod อีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจในระดับหมื่นต้น ๆ

นอกจากเรื่องหน้าจอแล้ว ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องก็ทำได้ดี ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 720G ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่เน้นประสิทธิภาพทางด้านการเล่นเกมโดยเฉพาะ เนื่องจากมีฟีเจอร์ Elite Gaming แบบเดียวกันกับที่ใส่มาใน Snapdragon 855 ทำให้การจัดการทรัพยากรทำได้อย่างไร้ที่ติ และยังมี Ram 8 GB ที่ช่วยในการประมวลผล เครื่องจึงทำงานได้รวดเร็ว แรง และไม่มีคำว่าสะดุด มาพร้อมด้วยระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย realme UI ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายครับ

สำหรับสมาร์ทโฟนเราคงไม่พูดถึงกล้องคงไม่ได้ ซึ่ง Realme 6 Pro มีกล้องหลังถึง 4 ตัว ที่ความละเอียด 64, 12, 2 และ 2 ล้านพิกเซล ทำงานคู่กับกล้องหน้าที่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล อาจจะถ่ายรูปได้ไม่สวยคมเท่าพวกรุ่นเรือธง แต่ก็ถือว่าทำได้ดีในระดับมือถือกลาง ๆ เลยครับ และยังสามารถเก็บรูปภาพได้หลายพันรูปอีกด้วย เพราะมี Rom ถึง 128 GB ส่วนด้านแบตเตอรี่ ก็ให้มาแบบไม่งก ด้วยขนาด 4,300 mAh และยังรองรับการชาร์จเร็ว 30 วัตต์ ช่วยให้สามารถเล่นเกมหรือใช้งานไลฟ์สไตล์ได้ตลอดทั้งวัน ด้วยการชาร์จเพียงแค่ครั้งเดียวครับ

ตบท้ายกันด้วย Xiaomi Redmi Note 9s เป็นมือถือที่มีความคุ้มค่าในราคาต่ำกว่าหมื่น เหมาะกับคนที่มีงบจำกัด และอยากได้มือถือ Andriod คุณภาพดีสักเครื่อง โดยตัวเครื่องทำมาจากโพลีคาร์บอนเนต ทำให้มีน้ำหนักเบา พร้อมด้วยดีไซน์ของเครื่องแบบสมัยใหม่ ตัวกล้องหน้าก็เป็นแบบกล้องเจาะรู หรือ Dot Display ทำให้สามารถใช้พื้นที่ของหน้าจอได้แบบเต็ม ๆ ซึ่งมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.67 นิ้ว ดูคลิบ หรือดู Youtube เห็นได้แบบเต็ม ๆ ตา และหน้าจอแสดงผลแบบ IPS-LCD เป็นจอที่อาจจะให้สีสวยสู้รุ่นเรือธงไม่ได้ แต่แลกกับราคาที่ย่อมเยากว่า เหมาะกับผู้สูงอายุหรือเด็กวัยรุ่นที่กำลังเริ่มหัดลองใช้สมาร์ทโฟน

นอกจากนี้ ความแรงของเครื่องก็ได้ชิปเซ็ต Qualqumm Snapdragon 720G พร้อมแรม 4 GB มาช่วยทำให้เครื่องทำงานได้อย่างราบรื่น และยังเหมาะกับการเล่นเกมอีกด้วย ตัวเครื่องก็มาด้วยระบบปฏิบัติการ Android 10 ซึ่งถูกครอบทับด้วย MIUI 11 ที่เป็น UI ของ Xiaomi ออกแบบมาโดยเน้นให้ใช้งานง่ายเวลาอยู่ที่หน้าจอ ด้านการถ่ายรูปก็น่าสนใจ เพราะมีกล้องหลังถึง 4 ตัว ที่ความละเอียด 48, 8, 5 และ 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าก็มีความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล ถือว่าทำได้ในระดับดี ถึงแม้จะเป็นมือถือรุ่นกลาง ๆ และมี Rom อยู่ที่ 64 GB อาจจะไม่มากเท่ามือถือรุ่นท็อป แต่เพียงเท่านี้ก็เก็บรูปภาพได้หลายพันรูปอยู่เหมือนกันครับ

ส่วนวีดีโอก็สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียด 4K ที่ 30 Fps ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่พบเห็นได้ยากในสมาร์ทโฟนราคานี้ และแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 5,050 mAh ถือว่าให้มาเกินคาดเลยทีเดียว ใช้งานได้แบบไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมดก่อนจบวัน และยังรองรับฟังก์ชั่นการชาร์จไว 18 วัตต์ อีกด้วย ช่วยให้ชาร์จแบตเต็มภายในระยะเวลาไม่กี่นาที อย่างไรก็ตาม Xiaomi Redmi Note 9s ยังไม่รองรับ 5G ใครที่คิดกว่าการใช้ 5G ไม่จำเป็น และอยากได้มือถือดี ๆ ราคาย่อมเยา ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอีกตัวหนึ่งเลยครับ

เนื่องจากมือถือ Android ที่มีวางจำหน่ายในปัจจุบัน มีให้เลือกซื้ออย่างหลากหลาย ทั้งความแตกต่างด้านสเปค ราคา และฟีเจอร์ ทำให้หลายครั้งการตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือสักเครื่อง เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก และต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ซึ่งเราและทีมงานก็จะะขอแนะนำวิธีการเลือกให้เหมาะสมหลัก ๆ ดังนี้ครับ

งบประมาณเป็นสิ่งแรกที่ควรจะใช้ประกอบการตัดสินใจ เพื่อช่วยจำกัดรุ่นมือถือที่เราสามารถซื้อได้ตามกำลังทรัพย์ แต่ในบางกรณีการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่มีราคาสูง ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ดี เนื่องจากสมาร์ทโฟนเหล่านั้นสามารถใช้งานได้ในระยะยาว ซึ่งหากคุณซื้อสาร์ทโฟน ที่มีราคา 30,000 บาท และใช้งานได้นานถึง 5 ปี แต่ละปีที่ผ่านมา ก็เท่ากับว่าเสียเงินไปเพียงแค่ 6,000 บาทต่อปีเท่านั้น แลกกับการได้ใช้มือถือสเปคสูงมาใช้งาน

หรือถ้าใครไม่อยากจ่ายเงินก้อนออกไปก่อนหลายหมื่นบาท การเลือกซื้อแบบติดศูนย์บริการ หรือการเลือกซื้อแบบผ่อนชำระ 0% ก็เป็นถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจครับ ในระหว่างที่ผ่อน 0% เราสามารถนำเงินไปใช้ทำอย่างอื่นก่อนได้ หรือแม้แต่จะนำเงินไปลงทุนให้งอกเงยก็ได้เช่นกัน แต่เราแนะนำว่าวิธีการซื้อแบบนี้ จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีวินัยทางการเงินเท่านั้นครับ

สเปคของมือถือเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกมือถือสักเครื่อง Andriod โดยส่วนใหญ่สเปคที่สูงขึ้นย่อมมีฟีเจอร์หรือฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากขึ้นตามไปด้วย แต่ก็แลกด้วยราคาที่สูงขึ้น ถ้าคุณเป็นคนใช้งานมือถืออย่างหนัก หรือใช้มือถือในการทำงาน เช่น ใช้ถ่ายภาพจำนวนมากลง IG, Facebook ถ่ายคลิปเป็นประจำ หรือเล่นเกมหนัก ๆ บนมือถือ ต้องเน้นเครื่องที่ทำงานอย่างรวดเร็ว เราแนะนำว่า ให้ตรวจสอบจุดประสงค์การใช้งานของตัวเองก่อน หลังจากนั้นให้สเปคที่ตอบโจทย์การใช้งาน หากซื้อมือถือสำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไป ก็อาจจะเลือกสเปคที่ต่ำลงมา ช่วยประหยัดงบประมาณได้มากขึ้นครับ

ความสามารถในการถ่ายรูปของกล้องสมาร์ทโฟน ถือเป็นจุดขายของสมาร์ทโฟนเลยก็ว่าได้ สังเกตได้จากการที่ผู้ผลิตได้แข่งขันกันเพิ่มความละเอียด เพิ่มจำนวนกล้องหลัง กล้องหน้า และโหมดถ่ายรูปต่าง ๆ มากมาย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว และถ่ายรูปอัพเรื่องราวต่าง ๆ ลงโซเซียลมีเดีย จากการแข่งขันกันพัฒนากล้องของผู้ผลิต ทำให้รูปภาพที่ถ่ายจากกล้องสมาร์ทโฟนมีความละเอียดที่มากขึ้น สีสันสวยสด คมชัด มีมิติที่มากขึ้น เรียกได้ว่ารูปที่ถ่ายด้วยกล้องสมาร์ทโฟน คุณภาพไม่แพ้กล้อง Mirrorless เลยครับ ที่สำคัญ ความสะดวกสบายต่างกันอย่างลิบลับ เพราะมือถือนั้นมีขนาดเล็ก พกพาได้สะดวก อีกทั้งยังรวดเร็วในการหยิบออกมาถ่ายรูปอีกด้วย ทำให้ไม่พลาดช็อตสำคัญ

ส่งผลให้ความสามารถในการถ่ายรูปของกล้องมือถือ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คน เลือกที่จะพิจารณาเป็นอันดับแรก ๆ ในการเลือกซื้อมือถือเลยทีเดียว ถ้าเลือกซื้อด้วยดูเรื่องกล้องมือถือเป็นหลัก เราแนะนำว่าให้เลือกกล้องมือถือที่มีความละเอียดในการถ่ายรูปสูง ๆ และอย่าลืมดูเรื่องความสามารถของเลนส์ในการวัดระยะความลึกตื้นของวัตถุด้วย ยิ่งทำได้ดีเท่าไร ภาพที่ถ่ายออกมาได้ ก็จะยิ่งมีมิติมากขึ้นเท่านั้น ถ้าใครขี้เกียจศึกษาข้อมูล ก็ซื้อพวกรุ่นเรือธงก็ได้ครับ เพราะรุ่นเรือธงของแต่ละแบรนด์เรื่องกล้องเขาจัดกันมาแบบจัดหนักจัดเต็มจริง ๆ รูปสวยคมชัดอย่างแน่นอน

ขนาดความจุเป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะปล่อยผ่าน แต่มีความสำคัญสำหรับคนที่ชอบเก็บไฟล์เอกสาร รูปภาพ หรือวิดีโอต่าง ๆ เรื่องความจุของตัวเครื่องเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม อีกทั้งอย่าลืมว่า แค่ระบบปฎิบัติการ Andriod ของมือถือ ก็กินพื้นที่ไปถึง 10-20 GB แล้วครับ และมีแนวโน้มที่จะกินพื้นที่มากขึ้นอีกด้วยในอนาคต ดังนั้น เราจึงไม่แนะนำให้ซื้อมือถือที่มีความจุเพียงแค่ 16 หรือ 32 GB ครับ

โดยขนาดความจุที่เหมาะสมของแต่ละคนจะแตกต่างกันไปตามการใช้งาน ซึ่งหากคุณต้องการใช้งานสมาร์ทโฟน สำหรับการถ่ายภาพหรือวิดีโอที่มีความละเอียดสูง เราแนะนำให้เลือกความจุเริ่มต้นที่ 256 GB แต่หากคุณต้องการใช้งานเพียงแค่โซเชียลมีเดีย ไม่นิยมถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปมากนัก ความจุที่ 64 GB หรือ 128 GB ก็เพียงพอแล้วครับ

ขนาดของหน้าจอก็เป็นอีกจุดที่ควรจะคำนึงถึงเวลาซื้อสมาร์ทโฟน โดยหน้าจอขนาดใหญ่กว่าก็จะช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน ทำงานได้ง่ายกว่า เวลากดจิ้มลงไปบนหน้าจอก็ไม่มีพลาด ดูภาพยนตร์ ดู Youtube ได้สนุกกว่า หรือมือถือบางรุ่นที่รองรับการใช้ปากกา ก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งแบตเตอรี่ก็จะมีขนาดใหญ่กว่า ทำให้ใช้งานได้นานขึ้น แต่ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ ก็จะทำให้พกพาได้ยากกว่า เพราะมีน้ำหนักมากกว่า และการใช้งานด้วยมือเดียวอาจจะลำบากกว่า โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มือค่อนข้างเล็ก การเลือกเครื่องที่มีหน้าจอขนาดเล็กน่าจะจับได้ถนัดกว่า ที่สำคัญ ราคาก็จะย่อมเยากว่าหน้าจอขนาดใหญ่

ฟีเจอร์ที่เป็นจุดเด่นของมือถือแต่ละตัวจะช่วยกำหนดขอบเขตในการเลือกซื้อมือถือ Android ได้ง่ายขึ้นครับ โดยเฉพาะถ้าคุณมีจุดประสงค์การใช้งานที่ชัดเจน เช่น ต้องการใช้มือถือที่มีปากกาไว้ใช้จดบันทึก ก็ควรเลือกรุ่นที่รองรับการใช้งานปากกาอย่าง Samsung Galaxy Note หรือถ้าต้องการมือถือที่มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่าปกติ แต่เน้นพกพาสะดวก ก็ควรจะเลือกรุ่นที่หน้าจอใหญ่แต่บางเฉียบ หรือรุ่นที่สามารถพับหน้าจอได้อย่าง Samsung Galaxy Z Flip

หากคุณเน้นการเซลฟี่เป็นชีวิตจิตใจ ก็อาจจะดูรุ่นที่ทำออกมาเพื่อเซลฟี่อย่าง Vivo V19 หรือถ้าต้องการจุดเด่นเรื่องการถ่ายรูปเป็นพิเศษ ก็เลือกรุ่นที่จัดหนักจัดเต็มเรื่องกล้องหลังโดยเฉพาะ อย่าง NOKIA 9 Pure View หรือ OPPO FIND X2 PRO 5G ส่วนสายเกม ก็อาจจะต้องเลือกซื้อมือถือเกมมิ่งที่ทำออกมากเพื่อการเล่นเกมอย่าง Xiaomi Mi 10, Realme 6 Pro หรือพวกมือถือสเปคสูง ๆ ก็ได้ครับ

ก่อนจากกัน เราอยากจะเน้นย้ำว่า การเลือกซื้อมือถือ Andriod สักเครื่อง คุณควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพราะมือถือเป็นไอเทมที่หลาย ๆ คนซื้อมาแล้วก็มักจะใช้งานกันไปยาว ๆ 1-2 ปีก่อนจะเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่ เราแนะนำให้คิดอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะรุ่นเรือธงที่มีราคาสูงถึงขั้นเกือบครึ่งแสน เพราะเราคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ซื้อมือถือมาแล้ว แต่ไม่ตอบโจทย์การใช้งาน ทำให้ต้องทนใช้ต่อไปด้วยความหงุดหงิด

โดยสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น คือ การตรวจสอบจุดประสงค์ในการใช้งานมือถือ หรือมีฟีเจอร์ไหนที่คุณจำเป็นจะต้องใช้บ้าง โดยสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่จะช่วยจำกัดขอบเขตการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอย่างที่เราได้แนะนำไปด้านบน มือถือ Andriod รุ่นที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคุณมากที่สุด อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นที่แพงที่สุดเสมอไปก็ได้ครับ

Write a Comment