รวมมือถือทุกรุ่นที่มาพร้อมชิป Snapdragon 870 5G ชิปตัวแรงราคาประหยัด 2021

ถ้าให้นึกถึงหัวใจสำคัญในการเลือกซื้อมือถือสมาร์ทโฟนสักรุ่น ส่วนใหญ่ในการเลือกซื้อ ถ้าไม่ใช่หน้าตาและฟีเจอร์ที่ให้มาด้วยแล้ว หลายๆ คนที่ซื้อก็แทบจะมองข้ามสิ่งสำคัญที่สุดของสมาร์ทโฟนไปเลยก็ได้ แน่นอนว่าต่อให้สมาร์ทโฟนรุ่นนั้นจะมีฟีเจอร์จัดเต็มมาให้มากแค่ไหน แต่ถ้าชิปประมวลผลไม่แรงพอรองรับการใช้งาน สิ่งอื่นๆ ก็แทบจะไม่มีความหมายเลย หนึ่งในชิปประมวลที่เชื่อว่าหลายๆ คนก็อยากจะได้มาใช้งานกัน ก็คือชิปของ Snapdragon ที่มีการพัฒนาออกมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเอาไปใส้ไว้ในรุ่นไหน รุ่นนั้นก็ย่อมเร็วแรง เล่นเกมได้อย่างไหลลื่นกันทั้งนั้น และในปีนี้เองที่ชิป Snapdragon ได้เปิดตัวรุ่นตัวแรงในราคาที่ประหยัด จนจะเทียบเท่ากับรุ่นเรือธงเลยก็ว่าได้มาอยู่ 1 ตัวที่น่าสนใจ และก็เป็นชิปประมวลผลที่ทาง Specphone จะมาแนะนำนั่นก็คือ Snapdragon 870 5G มาดูกันเลยว่าทำไมหลายคนจึงให้ความสนใจกับชิปตัวนี้ มีสเปคเป็นอย่างไรบ้างถ้าเทียบกับรุ่นอื่นๆ และรวมสมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่วางขายในไทยพร้อมกับชิป Snapdragon 870 5G จะมีรุ่นไหนบ้างไปดูกันเลย

สำหรับชิปประมวลผลตัวนี้ได้เปิดตัวกันออกมาช่วงต้นปี 2021 นี้เอง จึงทำให้มือถือแต่ละรุ่นที่ได้ใช้ตัวนี้ก็จะเป็นรุ่นใหม่ตามไปด้วย ซึ่งความน่าสนใจของมันก็คือสเปคที่เร็วแรงเกือบเท่ากับชิปเรือธงเลย และก็มีหลายคนคาดกันว่าเป็นตัวที่เอามาเทียบกับ Snapdragon 888 ที่ทำให้ตัวเครื่องร้อนกว่าปกติด้วย แต่ว่ารุ่นนี้จะราคาประหยัดกว่า ซึ่งความจริงแล้วตัวนี้ได้พัฒนาต่อมาจากเจนก่อนนั่นก็คือ Snapdragon 865+ ที่สเปคภายในได้ปรับเปลี่ยนเล็กน้อย โดยรุ่นนี้จะเป็นตัวที่ใช้สถาปัตยกรรม 7 nm และยังใช้การประมวลผลของเดิมคือ Kryo 585 กับ GPU Adreno 650 พร้อมกับการประมวลผลของ AI จาก Hexagon™ 698 ที่คำนวณได้ถึงระดับ 15 TOPS อันนี้จะเท่ากับตัว 685+ เลย

จุดที่น่าสนใจชิปตัวนี้ก็คงเป็นความเร็วที่ได้พัฒนาเพิ่มจากเดิม (3.1GHz) เป็น 3.2GHz ที่เร็วกว่าทั้งตัวก่อนหน้า และเร็วกว่า Snapdragon 888 (2.84 GHz) ด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าเร็วเป็นอันดับต้นๆ ของชิปในตอนนี้แน่นอน แต่ทั้งนี้ตัวโมเด็มของชิปจะใช้แยกเป็น Snapdragon™ X55 5G ที่ใช้งาน 5G sub-6 GHz และ mmWave บนความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 7.5Gbps อัพโหลดสูงสุด 3Gbps และรองรับ Wi-Fi 6 กับ Bluetooth 5.2 ได้หมดแล้วด้วย

นอกจากนี้การรองรับหน้าจอและกล้องของชิปตัวนี้ จะเป็น Spectra 480 รองรับกล้องได้สูงสุด 200MP ทำให้สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึงระดับ 4K, 8K เล่นเกมได้ถึงระดับ HDR (Snapdragon Elite Gaming) พร้อมรองรับหน้าจอความละเอียดสูงสุด 1440p และอัตรา Refresh Rate สูงถึง 144Hz โดยรวมแล้วความเร็วแรงของชิปประมวลผลตัวนี้ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการใช้งานแบบทั่วไป หรือว่าจะเป็นการเล่นเกม ถ่ายรูป และเรื่องของการรองรับสัญญาณต่างๆ ก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ารุ่นเรือธงเลย แถมในตอนนี้ก็มีมือถือหลายรุ่นใส่ชิปตัวนี้มาให้แล้วเรียบร้อย พร้อมวางขายในไทยแล้วด้วย ใครอยากรู้ว่ามีรุ่นไหนบ้างก็ลงไปดูด้านล่างได้เลย

สำหรับมือถือรุ่นที่มาพร้อมกับชิป Snapdragon 870 5G นี้ก็แน่นอนว่าต้องเป็นรุ่นใหม่ที่เปิดตัวมาในปีนี้กันอย่างแน่นอน และรุ่นที่ใช้งานกับชิปตัวนี้ความจริงแล้วก็มีมากกว่า 20 รุ่นเลยทีเดียว แต่ว่ารุ่นที่เอามาวางขายในไทยในปัจจุบันนี้จะมีเพียง 6 รุ่นในตอนนี้ เพราะรุ่นอื่นๆ จะมีทั้งยังไม่ได้เปิดตัว เป็นรุ่นที่วางขายในอินเดีย และรุ่นที่มีการวางขายเฉพาะที่จีนเท่านั้น เราจึงขอแนะนำืั้งหมด 6 รุ่นที่มีการวางขายอยู่ตอนนี้ เพื่อให้คนที่สนใจได้ลองดูสเปค และเปรียบเทียบสเปคของแต่ละรุ่น ดูว่าอยากจะใช้งานรุ่นไหนมากกว่ากัน เพราะราคาแต่ละรุ่นจะไม่ห่างกันมากนัก ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่ไม่ได้วางขายในไทยเราก็จะนำมาฝากกันให้ทั้งหมดเลย แต่จะบอกเป็นเพียงชื่อรุ่นอย่างเดียว พร้อมแล้วก็ลุยกันเลย

มาเริ่มกันที่รุ่นแรกกันก่อนเลย สำหรับมือถือของ POCO ที่รู้ๆ กันดีกว่าทำออกมาสำหรับสายเกมเมอร์โดยเฉพาะ รวมไปถึงรุ่นนี้ด้วยเหมือนกัน ที่ได้จัดหนักจัดเต็มสเปคมาให้พร้อมสำหรับสายเล่นเกม ด้วยการดีไซน์ตัวเครื่องแบบเพรียวบาง ทำให้สามารถถือจับได้อย่างถนัดมือ และยังมีหน้าจอกับด้านหลังเป็น Corning Gorilla Glass 5 มาเสริมความแข็งแรงให้อีก สามารถกันน้ำและกันฝุ่นละอองได้ชั่วคราว ส่วนหน้าจอจะเป็นจอแสดงผล AMOLED ระดับ HDR 10+ กว้าง 6.67 นิ้วพร้อมกับเทคโนโลยี MEMC ที่ช่วยให้ภาพที่มีเฟรมเรตต่ำไหลลื่นมากขึ้น แถมยังมีอัตรา Refresh Rate 120Hz และ Touch-Sensing ถึง 360Hz เรียกได้ว่าหายห่วงเรื่องเล่นเกมสะดุด หรือว่าดูเนื้อหาแล้วภาพหนืดไปได้เลย ความเร็วแรงก็ไม่ต้องพูดกันเยอะ เพราะว่าได้ใส่ชิป Snapdragon 870 5G ที่พร้อมใช้งาน 5G ได้แล้ว โดยตัวนี้จะมีให้เลือก 2 รุ่นคือ RAM 6GB/ 8GB และ ROM 128GB/ 256GB

ส่วนเรื่องของกล้องก็ถือว่าไม่ธรรมดาเหมือนกัน ที่รุ่นนี้จะมีกล้อง 3 ตัวที่ความละเอียดเลนส์หลัก 48MP เลนส์อัลตร้าไวด์ 8MP และเลนส์มาโครอีก 5MP พร้อมกับ AI Cinema ที่หยิบขึ้นมาถ่ายวิดีโอได้เหมือนกับถ่ายหนังเลยทีเดียว จะถ่ายกลางวันหรือกลางคืนก็ชัดเจน ส่วนกล้องหน้าก็จัดเต็มที่ความละเอียด 20MP ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งรุ่นนี้ยังมีระบบลำโพงคู่ที่รองรับ Dolby Atmos กับระบบเสียง Hi-Res Audio ด้วย ทำให้เสียงที่ได้รับนั้นจะใสและกระจายไปรอบทิศทาง สุดท้ายคือแบตที่มีความจุ 4,520 mAh รองรับ Fast Charge 33W สามารถเล่นเกมได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง ดูวิดีโอได้ 14 ชั่วโมง หรือถ้าสแตนบายไว้เฉยๆ ก็อยู่ได้ยาวๆ หมดก็ชาร์จกลับมาเต็มได้ในเวลาเพียง 52 นาทีเท่านั้น

มาต่อกันที่มือถือที่มาพร้อมชิปตัวแรงตัวนี้จาก Xiaomi อีกแล้ว และก็แน่นอนว่าทำออกมาสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะตั้งแต่การดีไซน์ตัวเครื่อง ไปจนถึงสเปคภายในที่เอาจริงๆ ก็แอบคล้ายตัวบนอยู่เหมือนกัน แต่จะต่างกันที่รูปแบบการดีไซน์นี่แหละ แถมยังมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมสำหรับเล่นเกมอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นพัดลม, TRIGGERS ที่เอาไว้เล่นเกมอีกมากมาย การดีไซน์ตัวเครื่องรุ่นนี้จะเป็นแบบโค้งมนที่ตอบรับเข้ากับมือ และมีปุ่ม Triggers ไว้ในตัวให้เลยกับลวดลายฝาหลังสุดอังการงานสร้าง อละยังมีหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ระดับ HDR 10+ กว้าง 6.67 นิ้วและเพิ่มความไหลื่นจัดๆ ด้วยอัตรา Refresh Rate 144Hz Ultra Smooth Display เล่นเกมได้ไม่มีสะดุด และด้วยเทคโนโลยีระบายความร้อนแบบ Sandwich จึงทำให้เครื่องนี้ระบายความร้อนได้ดีขึ้นอีก 30%

รุ่นนี้จะมีมาให้เลือกสองรุ่นเหมือนกันคือ RAM 8GB/ 12GB และ ROM 128GB/ 256GB พร้อมกับชิปประมวลผล Snapdragon 870 5G กับ LPDDR5 + UFS3.1 ที่ช่วยประมวลผลให้การเปิดแอพนั้นเร็วไวยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องของกล้องก็ต้องบอกว่าทำออกมาเหมือนกันตัว POCO F3 เลย ที่เป็นกล้อง 3 ตัวความละเอียดเลนส์หลัก 48MP เลนส์อัลตร้าไวด์ 8MP และเลนส์มาโคร 5MP เหมือนกันเป๊ะ ซึ่งตัวนี้มีระบบกันสั้น EIS และถ่ายวิดีโอได้ถึง 4K กับกล้องหน้าความละเอียด 20MP เซลฟี่ได้สวยๆ ซึ่งเรื่องเสียงของตัวนี้ก็ไม่ธรรมดา ด้วยลำโพงคู่ที่ปรับแต่งร่วมกับ DTS และ Cirrus Logic Technology ทำให้เสียงกระจายรอบทิศทาง และระบบเสียงที่ดีเยี่ยม จุดเด่นอีกอย่างคือแบตที่มีความจุ 4,500 mAh แต่มีตัว Hyper Charging ที่มากถึง 120W ชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลาเพียง 17 นาที! (แต่ของที่ให้มาในกล่องเป็นตัว 67W นะ ต้องซื้อแยก)

มาที่มือถือของ vivo กันบ้างที่ได้นำชิปตัวแรงนี้ไปใส่ไว้ในรุ่นโปรอยู่เหมือนกัน ซึ่งรุ่นนี้เปิดตัวมาช่วงกลางปี 2021 โดยจะเน้นไปที่การถ่ายรูปเป็นหลัก เหมาะสำหรับสายถ่ายรูปมากๆ โดยการดีไซน์ตัวนี้จะเป็นแบบบางเบา หน้าหลังเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 6 กับขอบอลูมิเนียมสวยมาก มีหน้าจอเป็นแบบ Ultra O Screen ที่ให้มุมมองกว้างขึ้น และมีรูตรงกลางหน้าจอเล็กเพียง 3.96 มม. เท่านั้น ส่วนจอแสดงผลจะเป็น AMOLED ระดับ HDR10+ กว้าง 6.56 นิ้ว กับอัตรา Refresh Rate 120Hz + Response Rate 240Hz ที่ทำให้ภาพไหลลื่นจัดๆ พร้อมกับการรับรอง SGS Eye Care Display และ SGS Seamless ที่มีหน้าจอชัดเจนและสบายตาแม้จะใช้งานในที่ที่มีแสงแดดจ้าก็ตาม

แน่นอนว่าชิปตัวนี้ต้องเป็น Snapdragon 870 5G อยู่แล้ว และยังมีการรองรับเสียงระดับ Hi-Res พร้อมดู Netflix ได้ถึง HDR เลยทีเดียว แต่สิ่งที่เน้นจริงๆ ก็เป็นเรื่องของกล้องที่เป็นกล้อง 3 ตัวความละเอียดเลนส์หลัก 48MP เลนส์อัลตร้าไวด์ 13MP และเทเลโฟโต้ 13MP ที่ได้พัฒนาเลนส์ร่วมกับ ZEISS ทำให้การถ่ายภาพนั้นเป็นโปรมากขึ้น จะถ่ายโบเก้ ถ่ายกลางคืน หรือจะเดินถ่ายก็ทำได้สบายๆ ด้วยระบบกันสั่น Gimbal Stabilization 2.0 ที่เลื่อนเลนส์ไปตามทิศทางของการถ่ายเลย และด้วย Pixel Shift Ultra HD Imaging จึงทำให้การถ่ายนั้นดูสมจริงมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะถ่ายวิวหรือถ่ายภาพมุมกว้างก็ดูสวยไปหมด กล้องหน้าก็จัดเต็มสุดๆ ที่ความละเอียด 32MP เซลฟี่ได้อย่างมั่นใจและสมจริงมากขึ้น สุดท้ายคือความจะแบตที่มีความจุ 4,200 mAh รองรับ Fast Charge 33W ใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องทั้งวันแน่นอน

ต้องบอกว่าส่วนใหญ่แล้วชิปตัวแรงนี้มักจะมาอยู่ในรุ่นโปรจริงๆ เพราะทาง OPPO ก็ไม่ปล่อยชิปตัวแรงนี้ไปเหมือนกัน และได้นำมาใส่ในรุ่น Reno 6 Pro ที่ต้องบอกว่าสุดจัดในทุกๆ ด้านจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูหนัง หรือแม้กระทั่งการถ่ายรูป รุ่นนี้ก็เน้นมาให้แบบครบๆ ในราคาที่จับต้องได้ การดีไซน์ตัวเครื่องรุ่นนี้จะเป็นแบบโค้งมน ที่ทำฝาหลังออกมาเป็นสีด้าน ทำให้จับใช้งานแบบไม่ใส่เคสก็ไม่มีรอยนิ้วมือติด และยังมีการไล่สีที่สวยงามมากอีกด้วย ส่วนจอแสดงผลจะเป็น AMOLED ระดับ HDR 10+ กว้าง 6.55 นิ้วที่มีอัตราส่วนหน้าจอเยอะถึง 92.1% เลยทีเดียว พร้อมอัตรา Refresh Rate 90Hz (3D) และ Touch-Sensing 180Hz และยังมีเซนเซอร์ที่จับแสงได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ไหนก็ปรับได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

ชิปประมวลผลของรุ่นนี้จะเป็น Snapdragon 870 5G พร้อมกับมีระบบ Vapor Chamber ที่ช่วยระบายความร้อนทำให้เครื่องเย็นมากขึ้น ถึงแม้ว่าเครื่องจะบางมากก็ตาม กับระบบสั่นสะเทือนที่สมจริงตอนเล่นเกม เรื่องกล้องก็อย่างที่บอกไปเลย เนื่องจากรุ่นนี้ได้ใช้เซนเซอร์จาก Sony IMX766 ที่มีช่วงโฟกัสไดนามิกสูง ทำให้เก็บภาพได้อย่างคมชัดสมจริงมากยิ่งขึ้นกับกล้อง 4 ตัวที่ความละเอียดเลนส์หลัก 50MP อัลตร้าไวด์ 16MP มาโคร 13MP และเลนส์โมโน 2MP พร้อมกันสั่น EIS ไม่ว่าจะถ่ายแบบไหนก็ถ่ายได้ดั่งใจนึก ที่น่าสนใจก็คือสามารถถ่ายแบบ Dual View ที่ถ่ายวิดีโอกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันได้เลย ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียด 32MP พร้อม AI ที่ช่วยให้ถ่ายได้อย่างมีปะรสิทธิภาพมากขึ้น รุ่นนี้จะมีความจุแบตที่ 4,500 mAh พร้อมรองรับ Fast Charge 65W

ต่อเนื่องกันด้วยมือถือจาก Motorola ที่ได้ปล่อยมือถือใหม่ออกมาช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาในรุ่นโปรตัวนี้ ที่ต้องบอกว่าจะโหดไปไหน ตั้งแต่หน้าจอไปจนถึงสเปคกล้อง ซึ่งการดีไวฯืตัวนี้จะยังคงมีความเป็น Motorola ที่มาแบบบางเบาเช่นเคย หน้าจอเป็นกระจกแข็ง Corning Gorilla Glass 5 ส่วนฝาหลังเป็น 3D Glass (บางสีเป็นหนัง ECO) หน้าจอแสดงผลเป็น OLED ระดับ HDR10+ ที่มีสีมากกว่า 1 พันล้านสี ช่วยให้ทุกภาพและการใช้งานจะได้สีสันคมชัดสมจริงมากขึ้น รุ่นนี้มีขนาดจอกว้าง 6.7 นิ้วพร้อมอัตรา Refresh Rate 144Hz ถือว่าสูงมาก หน้าจอจะไหลลื่นทุกการใช้งานของจริง และยังมีคุณสมบัติกันน้ำได้ชั่วคราวอีกด้วย โดยรุ่นนี้จะใช้ชิปเป็น Snapdragon 870 5G เช่นเดียวกัน

จุดที่น่าสนใจของรุ่นนี้ก็คือเรื่องของกล้อง ที่จัดหนักมาพอสมควรด้วยกล้องหลัง 3 ตัวความละเอียดเลนส์หลัก 108MP อัลตร้าไวด์ 16MP และเทเลโฟโต้ 8MP ที่มีแฟลชแบบ Dual LED พร้อมกันสั่น EIS ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึงระดับ 8K และยังโฟกัสด้วย Super Zoom ได้สูงสุดถึง 50 เท่าเลยทีเดียว หรือจะถ่ายใกล้ๆ ก็ไม่มีปัญหาเพราะตัวนี้ทำได้หมดเลย ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียด 32MP พร้อมเทคโนโลยี Quad Pixel ที่ช่วยให้ทุกการถ่ายเซลฟี่ดูสวยงาม ดูเป็นธรรมาติมากยิ่งขึ้น สุดท้ายคือความจุแบตที่จุ 4,500 mAh รองรับ Fast Charge 30W ซึ่งโดยรวมแล้วรุ่นนี้จะเน้นไปที่เรื่องถ่ายรูปมากกว่า แต่ถ้าจะใช้งานเล่นเกมหรือทั่วไปก็ทำได้ดีอยู่แล้วในราคาที่ไม่เกิน 20,000 บาท

มือถือรุ่นสุดท้ายที่ได้ใช้ชิปตัวแรง และมีการวางขายในไทยอย่างเป็นทางการรุ่นสุดท้ายเป็นของ realme ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด เพิ่งเปิดตัวออกมาวางขายได้ไม่นานนี้เอง และยังเป็นรุ่นราคาประหยัดที่ทำสเปคออกมาได้ดีมาก ทั้งการใช้งานแบบทั่วไป เล่นเกม หรือว่าจะเน้นถ่ายรูปก็ทำได้ดีเลยทีเดียว เริ่มกันที่การดีไซน์ของตัวนี้ค่อนข้างจะเน้นสีสันเป็นหลัก ที่เป็นสีแบบ Digital Urban สีด้านตัดกับสีมันวาวที่มีเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น แถมยังมีพื้นผิวที่จับได้อย่างไหลลื่น หน้าจอแสดงผลเป็น AMOLED ระดับ HDR 10+ กว้าง 6.62 นิ้วพร้อมอัตรา Refresh Rate 120Hz และยังมี DC Dimming ที่ลดการเต้นของภาพได้อีกด้วย ที่สำคัญคือตัว Touch Sampling Rate 600Hz ที่ช่วยให้การเล่นเกม หรือการสัมผัสหน้าจอนั้นจะตอบสนองได้รวดเร็วมากขึ้นด้วย

ส่วนชิปที่นอกจะเป็น Snapdragon 870 5G ที่มีความเร็วแรงอยู่แล้ว ก็ยังมีระบบระบายความร้อน Stainless Steel Vapor Cooling Plus ที่ระบายความร้อนถึง 8 ชั้น ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้เครื่องเย็นลง และยังทำให้ภาพเสถียรเฟรมเรทไม่ตกขณะเล่นเกมนั่นเอง ส่วนกล้องหลังตัวนี้จะเป็นกล้อง 3 ตัวที่ความละเอียดเลนส์หลัก 64MP เลนส์อัลตร้าไวด์ 8MP และมาโคร 2MP ที่ถ่ายภาพได้อย่างคมชัด ไม่ว่าจะถ่ายในช่วงเวลาไหนก็ตาม ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียด 16MP ถ่ายเซลฟี่ได้แบบทั่วไป ซึ่งเอาจริงๆ รุ่นนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เน้นกล้องมามากเท่าไหร่นัก สุดท้ายคือแบตที่อึดมากๆ ที่ความจุ 5,000 mAh รองรับ Fast Charge 65W ชาร์จกลับมาเต็มได้ภายในเวลาไม่ถึง 36 นาทีเท่านั้น

สำหรับมือถือนอกเหนือจากรุ่นที่วางขายอย่างเป็นทางการในไทย แต่ว่ามีขายในเมืองนอกอย่างจีนและอินเดีย จะมีอยู่หลายรุ่นพอสมควรเลย รวมไปถึงรุ่นที่มีข่าวว่าจะนำเข้ามาขาย แต่ก็ไม่ได้นำเข้ามาสักที มีรุ่นที่ใช่ชิป Snapdragon 870 5G ตัวนี้คือ

แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลสเปคของชิป Snapdragon 870 5G และมือถือที่ใช้งานชิปประมวลผลตัวนี้ที่มีการวางขายอย่างเป็นทางการในไทย และรุ่นที่ไม่ได้นำมาวางขายทุกรุ่น รวมไปถึงการเปรียบเทียบสเปคชิป และสเปคมือถือทุกรุ่นที่วางขายในไทยที่เราได้นำมาฝากกันทั้งหมดในวันนี้ ซึ่งเอาจริงๆ ชิปประมวลผลตัวนี้ก็ถือว่าเป็นชิปที่เร็วและแรงมาก ไม่ว่าจะใส่มือถือรุ่นไหนก็เล่นเกมได้อย่างไหลลื่นแน่นอน โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นรุ่นโปรขึ้นไป ที่ได้นำมาวางขาย ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่ขายต่างประเทศก็จะมีราคาที่ใกล้เคียงกับบ้านเรามาก ยกเว้นแต่จะเป็นรุ่นที่สเปคกล้องโปรมากขึ้น หรือว่าตัวที่มีความจุสูงก็จะมีราคาสูงตามไปด้วย แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ

Write a Comment