รวมมือถือชิป Snapdragon 870 5G แรงไม่แพ้เรือธงในราคาย่อมเยา อัปเดต มิ.ย. 2021 ::

รวมมือถือ Snapdragon 865 ที่ยังสามารถหาซื้อได้ในปี 2022

รวมมือถือ Snapdragon 865 และ Snapdragon 865+ ที่ยังสามารถหาซื้อได้ในปี 2022 เนื่องจากชิปประมวลผล Snapdragon 865 เป็นชิป 5G ระดับเรือธงที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานาน และด้วยในปัจจุบันนี้ที่ต้องประหยัดเงินการหันไปหาชิปประมวลผลระดับเรือธงตัวเก่าๆ หน่อยก็ช่วยให้ประหยัดเงินไปได้เยอะ เนื่องจากชิปประมวลผลเหล่านี้สามารถใช้งานได้ยาวหลายปีนั่นเอง ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำมือถือที่ใช้ชิป Snapdragon 865 ที่ยังสามารถหาซื้อได้อยุ่ในปัจจุบันนี้ ทว่าหลักๆ แล้วจะสามารถหาซื้อได้ทางออนไลน์มากกว่าทางหน้าร้านนะ สำหรับรุ่นที่ยังมีขายอยู่นั้นมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันได้เลย

• ข้อมูลของชิปมือถือ Snapdragon 865 ที่รู้ไว้ก็มีเสียหาย

• รวมมือถือ Snapdragon 865 ที่ยังสามารถหาซื้อได้ในปี 2022

ข้อมูลของชิปมือถือ Snapdragon 865 และ Snapdragon 865+ ที่รู้ไว้ก็มีเสียหาย

Snapdragon 865 คือชิปประมวลผล 5G ตัวแรกๆ ของ Qualcomm ที่ออกมาในยุคเริ่มต้น 5G ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่รองรับ 5G ทุกคลื่นจริงๆ แถมยังรองรับ Wi-Fi มาตราฐานใหม่อย่าง Wi-Fi6 อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นชิปที่หลายๆ คนรอคอยมากตอนช่วงเริ่มยุค 5G

Snapdragon 865+ คือชิปประมวลผลรุ่นอัพเกรดที่ออกมาเพื่อผู้ผลิตที่ต้องการชิปประมวลผลที่มีความแรงยิ่งขึ้น โดยสเปคของตัวชิปส่วนใหญ่จะเหมือนๆ กัน แต่จะต่างกันที่ความเร็วในการประมวลผลเพิ่มขึ้น และยังรองรับเทคโนโลยี Wi-Fi 6E อีกด้วย แต่ถึงแบบนั้นก็ถูกเอาไปใช้ในมือถือส่วนน้อยเท่านั้น

สำหรับชิปประมวลผล Snapdragon 865 นั้นในสมัยที่ยังรุ่นชิปประมวลผลระดับเรือธงที่อยู่ในรุ่นเดียวกันก็คือ Exynos 990 ที่อยู่ใน Samsung Galaxy S20 Series และ Apple A13 Bionic ที่อยู่ใน iPhone 11 Series แต่ทว่าในปี 2021 นั้นทาง Qualcomm ก็ได้มีการเปิดตัว Snapdragon 870 ที่เป็นตัวอัพเกรดของ 865 เพิ่มขึ้นมาอีกตัวด้วย แต่หลักๆ ก็เหมือนเดิมคือแค่เพิ่มความเร็วขึ้นเท่านั้น

รวมมือถือ Snapdragon 865 และ Snapdragon 865+ ที่ยังสามารถหาซื้อได้ในปี 2022

ตารางเทียบสเปคมือถือ Snapdragon 865 และ Snapdragon 865+ ที่ยังสามารถหาซื้อได้ในปี 2022

รวมมือถือชิปตัวท็อป Snapdragon 865 ที่วางขายแล้ววันนี้ มีรุ่นไหนจากแบรนด์ใดบ้าง มาดูกัน! ::

หากพูดถึงชิปเซ็ตสำหรับสมาร์ทโฟนที่จัดอยู่ในระดับท็อปสุดในปีนี้ และมีความเร็วแรงที่สุดจากแบรนด์ Qualcomm ก็คงหนีไม่พ้น Snapdragon 865 อย่างแน่นอน เนื่องจากชิปเซ็ตรุ่นดังกล่าวได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพในหลายๆ ด้าน จนทำให้สามารถทำคะแนน AnTuTu ได้สูงถึง 56x,xxx คะแนน ซึ่งถือเป็นคะแนนที่สูงที่สุดของชิปเซ็ตบนสมาร์ทโฟน Android ณ ชั่วโมงนี้

ในปัจจุบันสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 865 ก็มีอยู่ด้วยกันหลายรุ่น บางรุ่นก็เตรียมเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็วๆ นี้ ส่วนบางรุ่นก็เริ่มเปิดพรีออเดอร์ในบ้านเราแล้ว วันนี้ทางทีมงานจึงได้รวบรวมรายชื่อสมาร์ทโฟนชิป Snapdragon 865 ที่วางขาย และเตรียมวางขายในประเทศไทยเพื่อเป็นข้อมูลให้แก่ทุกท่าน หากพร้อมแล้วไปติดตามกันเลยครับ

เพิ่งเปิดตัวในบ้านเราไปสดๆ ร้อนๆ สำหรับ Mi 10 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Xiaomi ที่มาพร้อมกับจุดเด่นรอบด้าน เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลขอบโค้งแบบ AMOLED DotDisplay ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ที่มาพร้อมกับเทคโนโลย TrueColor เพื่อถ่ายทอดสีสันได้อย่างเที่ยงตรง พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz ช่วยให้การแสดงผลเป็นไปอย่างลื่นไหล

ส่วนทางด้านประสิทธิภาพการทำงาน มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 865 5G พร้อม RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 8GB และหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 ความจุ 256GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4780mAh นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นด้านการถ่ายภาพ ด้วยกล้องหลังจำนวน 4 ตัวความละเอียดสูงสุด 108 ล้านพิกเซล

• หน้าจอแสดงผล AMOLED ขอบโค้งขนาดใหญ่ที่แสดงสีได้เที่ยงตรง และลื่นไหลด้วย Refresh Rate ระดับ 90Hz

• กล้องหลังตัวหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ซึ่งถือเป็นเซ็นเซอร์กล้องถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงที่สุดในโลก ณ ตอนนี้

• ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของ Xiaomi รุ่นก่อน

OPPO Find X2 Series 5G เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนรุ่นแรกๆ ที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 865 และมีการนำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดย OPPO Find X2 Series 5G มาพร้อมกับจุดเด่นด้านหน้าจอแสดงผลขอบโค้งแบบ AMOLED ที่มีค่า Refresh Rate สูงถึง 120Hz และค่า Touch Sampling Rate มากถึง 240Hz ซึ่งนอกเหนือจากจะช่วยให้การแสดงผลดูลื่นไหลแล้ว การตอบสนองต่อการสัมผัสก็ฉับไวทันใจอีกด้วย นอกจากนี้ OPPO ยังให้ความสำคัญต่อการแสดงสีสัน จึงใส่เทคโนโลยีการแสดงผลแบบ 10bit ช่วยให้แสดงสีได้มากกว่า 1.07 พันล้านสี พร้อมชิปเซ็ตสำหรับช่วยประมวลผลภาพโดยเฉพาะอย่าง O1 Ultra Engine

ทางด้านสเปกถือว่าจัดเต็มรอบด้านด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 865 ประกบคู่กับ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 12GB และหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 ความจุสูงสุด 512GB พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว SuperVOOC 2.0 นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับกล้องหลังจำนวน 3 ตัวที่ได้รับคะแนนทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบกล้อง และเซ็นเซอร์ชั้นนำระดับโลกอย่าง DxOMark สูงถึง 124 คะแนน ขึ้นแท่นท็อป 3 มือถือกล้องดีที่สุดในโลก ณ ชั่วโมงนี้

• หน้าจอแสดงผล AMOLED สีสันเที่ยงตรง ที่มีค่า Refresh Rate สูงถึง 120Hz และ Touch Sampling Rate ระดับ 240Hz ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ที่ค่อนข้างหาได้ยากบนสมาร์ทโฟนเรือธง

• ระบบชาร์จเร็ว SuperVOOC 2.0 ที่มีกำลังการจ่ายไฟสูงสุด 65W ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ชั่วโมงนี้

• กล้องหลังที่ได้รับการการันตีคุณภาพจาก DxOMark ด้วยคะแนนระดับสูง

• ราคาวางจำหน่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟน OPPO รุ่นอื่นๆ แต่ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีคุณสมบัติในระดับเดียวกัน และเหมาะสมกับคุณสมบัติภายใน

OnePlus 8 และ OnePlus 8 Pro เป็นอีกหนึ่งในสมาร์ทโฟนชิป Snapdragon 865 เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมาพร้อมกับจุดเด่นด้านหน้าจอแสดงผลแบบ Fluid AMOLED แบบขอบโค้งที่ได้รับการการันตีคะแนนจาก DisplayMate ในระดับ A+ พร้อมตัวเครื่องที่มีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68

ทางด้านสเปกจัดเต็มตามสไตล์ OnePlus ด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Snapdragon 865 พร้อมหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 2-Lane ความจุสูงสุด 256GB และหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาดสูงสุด 12GB และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ Warp Charge 30T สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 1-50% ได้ในเวลาเพียง 22 นาที

อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนตัวแรงจากแบรนด์ realme ที่ขายในบ้านเราตอนนี้ด้วยก็คือ realme X50 Pro 5G ที่ชูจุดเด่นกับการติดตั้งเส้นเสารับสัญญาณเอาไว้ทั้งหมด 12 ตัวแบบ 360 องศา เพื่อช่วยให้รับสัญญาณได้ดีกว่าสมาร์ทโฟน 4G ถึง 200% ด้วยกัน โดยเส้นเสารับสัญญาณเหล่านี้มีหน้าที่ในการรับคลื่นเครือข่าย 5G, Wi-Fi 6 ไปจนถึงระบบการเชื่อมต่อแบบ Dual Wi-Fi Acceleration

ส่วนทางด้านประสิทธฺภาพการทำงาน มาพร้อมกับ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 12GB ประกบคู่กับหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.0 ขนาด 12GB ที่มีเทคโนโลยี Turbo Write + HPB ในตัว เพื่อช่วยให้การอ่านข้อมูลรวดเร็วมากยิ่งขึ้น พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ Dual Punch-Hole Display ขนาด 6.44 นิ้ว ที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz พร้อมกล้องหน้าคู่ 32 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบชาร์จเร็ว 65W อีกด้วย

• ราคาค่อนข้างสูงเมื่อกเทียบกับมือถือที่ใช้ชิปเซ็ตในระดับเดียวกัน

Samsung Galaxy S20 FE รุ่น 5G มาพร้อมกับความโดดเด่นด้านการถอดสเปกเด่นมาจากรุ่นพี่ Galaxy S20 Series ในราคาวางจำหน่ายที่เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Dynamic AMOLED ที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh และกล้องหลังระดับ Pro Grade ที่มีโหมดถ่ายภาพที่น่าสนใจอย่าง Single Take, 4K Video Snap ไปจนถึงฟีเจอร์ Bright Night สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัด

อีกหนึ่งรุ่นที่สร้างเสียงฮือฮาได้ดีเลยทีเดียวสำหรับ Mi 10T และ Mi 10T Pro ที่เปิดราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 12,990 บาทเท่านั้น แต่จัดเต็มสเปกทุกด้านด้วยหน้าจอแสดงผลที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 144Hz พร้อมชิปเซ็ตตัวท็อป Snapdragon 865 ประกบคู่แบตเตอรี่ขนาด 5000mAh และกล้องหลังความละเอียดสูงสุด 108 ล้านพิกเซล ซึ่งด้วยราคาวางจำหน่ายเพียงหมื่นต้นๆ แล้ว ก็ทำให้เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่กำลังได้รับความสนใจบนท้องตลาดพอสมควร

มาต่อกันที่สมาร์ทโฟนเกมมิ่งที่นำเข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเราด้วย กับแบรนด์ Redmagic ที่กำลังวางจำหน่าย Redmagic 5G สมาร์ทโฟนเกมมิ่งสเปกจัดเต็มด้วยหน้าจอ AMOLED แบบ 144Hz พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยพัดลมในตัวเครื่อง และฟีเจอร์ที่ออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น ไฟ RGB หลังเครื่องช่วยเสริมความดุดันม ระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่ ไปจนถึงปุ่ม LR เพื่อช่วยให้การบังคับการเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหล

นอกจาก Redmagic 5G แล้ว ยังมีอีกหนึ่งรุ่นที่ขายในบ้านเราด้วยนั่นก็คือ Redmagic 5S ที่มาพร้อมกับสปกโดยรวมคล้ายคลึงกับ Redmagic 5G แต่ได้มีการปรับปรุงระบบระบายความร้อนเป็นแบบ Ice 4.0 ที่ช่วยถ่ายเทความร้อนออกจากตัวเคื่องให้รวดเร็วกว่าเดิม ตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์แบบจัดเต็ม

ASUS ROG แบรนด์สมาร์ทโฟนเกมมิ่งแบรนด์แรกๆ ที่บุกเข้ามาทำตลาดในไทย ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะมีการเปิดตัว ROG Phone 3 Strix Edition ให้เห็นกัน โดยยังคงเอาใจคอเกมด้วยหน้าจอ 144Hz พร้อมปุ่ม AirTriggers เวอร์ชัน 3 ที่ตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดีขึ้น รวมไปถึงลำโพงคู่คุณภาพสูงระดับ Hi-Res และระบบระบายความร้อนแบบ Gamce Cool 3

• X Mode สำหรับรีดประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องให้อยู่ในระดับสูงสุด

ปิดท้ายด้วย POCO F2 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงจากแบรนด์ Poco ที่รอบนี้มาพร้อมกับความโดดเด่นด้านดีไซน์หน้าจอแสดงผล AMOELD แบบไร้ขอบไร้รอยบาก พร้อมนวัตกรรมกล้องเด้งได้แบบ Pop-up Camera รวมทั้งยังมาพร้อมกับความแรงด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 865 และระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ไปจนถึงชุดกล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล ที่มีเลนส์ Telemacro สำหรับถ่ายภาพในระยะใกล้ได้อย่างคมชัด

นอกเหนือจากรายชื่อสมาร์ทโฟนด้านต้นแล้ว จากที่ทีมงานตรวจสอบก็พบว่า ในประเทศไทยมีการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 865 อีกหลายรุ่น ได้แก่ Redmi K30 Pro 5G, Vivo Nex 3s, OPPO Reno Ace2, Samsung Galaxy S20 Series (เครื่องนอก) และ Vivo iQOO Neo 3 5G แต่เนื่องจากสมาร์ทโฟนเหล่านี้ถูกวางจำหน่ายในลักษณะเครื่องหิ้ว ดังนั้นผู้ที่สนใจอาจต้องพิจารณาในเรื่องของการรับประกัน, การส่งซ่อม, บริการหลังการขาย รวมถึงความน่าเชื่อถือจากร้านค้านั้นๆ ด้วย

อย่างไรก็ดี ชิปเซ็ตประมวลผล เป็นเพียงหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่อง และยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่ผู้ใช้ควรให้ความสำคัญ และนำมาประกอบการตัดสินใจด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่ามีความชื่นชอบในสมาร์ทโฟนรุ่นใดมากที่สุด ซึ่งหากมีโอกาสได้ทดลองใช้งานแล้วถูกใจ ก็ถือว่ามือถือรุ่นนั้นเหมาะสมกับผู้ใช้แล้วครับ

รวมมือถือชิป Snapdragon 870 5G แรงไม่แพ้เรือธงในราคาย่อมเยา อัปเดต มิ.ย. 2021 ::

Snapdragon 870 เป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมกันอยู่ในตอนนี้ ด้วยความแรงในระดับที่ใกล้เคียงกับชิปตัวท็อปอย่าง Snapdragon 888 แต่มีราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า ซึ่งขณะนี้ก็มีสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิป Snapdragon 870 เปิดตัวออกมาหลายรุ่นแล้ว สำหรับท่านใดที่สนใจอยากเป็นเจ้าของสักเครื่อง เราได้รวบรวมรายชื่อสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 870 มาไว้ให้แล้ว ทั้งที่วางขายในไทย และต่างประเทศ อัปเดตล่าสุดเดือนมิถุนายน 2021 ครับ

เรือธงรุ่นใหม่จากทาง Vivo ที่ในรุ่น Global ได้ปรับมาใช้ชิปเซ็ต Qualomm Snapdragon 870 แทนที่ Exynos 1080 ในประเทศจีน พร้อมกับจุดเด่นที่น่าสนใจมากมาย โดยในรุ่น X60 5G มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ รองรับค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz มี RAM 12GB พร้อม Extented RAM ขนาด 3GB + หน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 และแบตเตอรี่ความจุ 4300 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W FlashCharge 2.0 รวมถึงมีกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS โดยมาพร้อมเลนส์ Biotar ที่ช่วยให้ภาพถ่ายโบเก้มีความสวยงามเหมือนเลนส์มือหมุน Biotar ของ ZEISS ที่ถูกออกแบบมาสำหรับถ่ายภาพ Portrait โดยเฉพาะ โดยมีราคาที่ 2,699 ริงกิตมาเลเซีย หรือประมาณ 20,300 บาท

ส่วนรุ่น X60 Pro 5G มีหน้าจอ AMOLED แบบลงขอบโค้งทั้ง 2 ด้าน ขนาด 6.56 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ รองรับค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz พร้อม RAM 12GB พร้อม Extented RAM ขนาด 3GB + หน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB และแบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W FlashCharge 2.0 สำหรับกล้องหลังมี 3 ตัว ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พัฒนาร่วมกับ ZEISS เหมือนกับรุ่น X60 5G แต่จะมีรูรับแสงที่กว้างกว่า โดยเปิดราคาที่ 3,299 ริงกิตมาเลเซีย หรือประมาณ 24,800 บาท

เรือธงรุ่นมาตรฐานใหม่ล่าสุดของทาง OPPO โดดเด่นที่หน้าจอลงขอบโค้งทั้ง 2 ด้านแบบ AMOLED (Flexible/LTPO) ขนาด 6.7 นิ้ว คมชัดระดับ QHD+ (3216x1440 พิกเซล : 525 ppi) มีค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz แบบ Adaptive Dynamic ที่สามารถปรับค่าได้ระหว่าง 5Hz - 120Hz พร้อมมาตรฐาน HDR10+ รวมถึงการแสดงผลสีแบบ 10-bit กว่าพันล้านสี บนตัวเครื่องป้องกันน้ำ-ฝุ่นมาตรฐาน IP68 พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 พร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จไร้สายความเร็วสูง 30W AIRVOOC โดยมีกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมเทคโนโลยี 1 Billion Colour Dual Primary Camera ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 11.2 เวอร์ชันล่าสุด เปิดราคาในประเทศจีนเริ่มที่ 4,499 หยวน หรือประมาณ 21,200 บาท

เรือธงรุ่นเล็กจากทาง OnePlus ที่ถอดแบบการดีไซน์มาจากรุ่นใหญ่ ด้วยหน้าจอเรียบไม่ลงขอบโค้งแบบ 120Hz Fluid AMOLED Display ขนาด 6.55 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ ภายในมี RAM ขนาดสูงสุด 12GB + ROM มาตรฐาน UFS 3.1 (2-Lane) ขนาดสูงสุด 256GB มีแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 65T (10V/6.5A) และกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รองรับระบบกันสั่นแบบ OIS ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11 โดยเปิดราคาในอินเดียเริ่มที่ 39,999 รูปี หรือประมาณ 17,100 บาท

มือถือเรือธงรุ่นเล็กในตระกูล Mi 10 Series ชูโรงที่หน้าจอ Refresh Rate ระดับ 90Hz บนดีไซน์จอ AMOLED ขอบโค้งขนาด 6.67 นิ้ว ความคมชัดระดับ Full HD+ พร้อมมาตรฐาน HDR10+ รวมถึงรองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ใต้หน้าจอ และมีจุดเด่นที่สำคัญคือใช้ลำโพงคู่ที่ได้รับการจูนเสียงจาก Harman Kardon ทำให้ถูกยกให้เป็นสมาร์ทโฟนที่มีระบบเสียงที่ดีที่สุดจาก DxOMark ในตอนนี้อีกด้วย ด้านการถ่ายภาพจัดเต็มด้วยกล้องหลักคมชัด 108 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น OIS และมีแบตเตอรี่ความจุ 4780 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Fast Charging พร้อมชาร์จแบบไร้สาย 30W กับราคาเริ่มที่ 3,299 หยวน หรือประมาณ 15,500 บาท

POCO F3 (บางประเทศวางจำหน่ายในชื่อ Xiaomi Mi 11X หรือ Redmi K40) มือถือ 5G สเปกแรงที่มากับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 870 จับคู่กับ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 6GB/8GB + ROM มาตรฐาน UFS 3.1 ขนาด 128GB/256GB บนการดีไซน์จอไร้ขอบเจาะรูกล้องหน้าแบบ DotDisplay E4 AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว รองรับค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate ระดับ 360Hz และมีลำโพงคู่ระบบเสียง Dolby Atmos รวมถึงแบตเตอรี่ความจุ 4520 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ระดับ 0-100% ได้ในเวลา 52 นาที และมีกล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมกล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง Telephoto ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล วางขายในไทยแล้วในราคาเริ่มต้น 10,999 บาท

สมาร์ทโฟนระดับท็อปรุ่นใหม่ของค่าย Motorola ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 870 5G เป็นรุ่นแรกของวงการ รองรับเครือข่าย 5G กับ Wi-Fi 6 รวมถึงเทคโนโลยี Turbo LPDDR5 + Turbo UFS 3.1 มีกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 6K/30fps สำหรับหน้าจอมีค่า Refresh Rate ระดับสูงสุดที่ 90Hz บนการดีไซน์แบบไร้ขอบไร้รอยบากขนาดใหญ่เต็มตา 6.7 นิ้วแบบ CinemaVision Display ในอัตราส่วน 21:9 และมีกล้องหน้าคู่ฝังบนหน้าจอ รวมถึงแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 20W TurboPower ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ใหม่ล่าสุด กับราคาเปิดตัวในประเทศจีนที่ ราคา 1,999 หยวน หรือประมาณ 9,300 บาท

เกมมิ่งโฟนระดับท็อปรุ่นใหม่ของค่าย Xiaomi ที่มาพร้อมการดีไซน์ใหม่หมดจด ที่มีความดุดันตามสไตล์เกมมิ่งโฟน พร้อมความพรีเมียมในเวลาเดียวกัน โดยใช้งานหน้าจอแสดงผลแบบ E4 AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ รองรับค่า Refresh Rate สูงสุดระดับ 144Hz ผสานค่า Touch Sampling Rate ระดับ 720Hz ที่สูงกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปเป็นเท่าตัว อีกทั้งยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน Liquid Cooling 2 ช่วยให้ตัวเครอื่งไม่ร้อนเกินไปขณะใช้งาน และมีแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสุดในค่ายที่ 120W โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ตั้งแต่ 0 ให้เต็ม 100% ได้ภายใน 14 นาที 50 วินาที ซึ่งมีราคาเปิดตัวเริ่มที่ 2,499 หยวน หรือประมาณ 11,900 บาท

เกมมิ่งโฟนระดับท็อปน้องใหม่ของค่าย Vivo มาในดีไซน์หน้าจอไร้ขอบเจาะรูกล้องหน้าที่ตรงกลางเทคโนโลยี AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+ รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate ระดับ 1000Hz ที่สูงกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปหลายเท่าตัว มีกล้องทั้งหมด 3 ตัว ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX598 รองรับ OIS ภายในมี RAM ขนาดสูงสุด 12GB พร้อมกับระบบระบายความร้อนด้วยแผ่น Graphite ขนาดใหญ่ ผสานเทคโนโลยี Multi-Turbo 5.0 ที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพการทำงานด้านต่างๆ ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีแบตเตอรี่ความจุ 4400 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 66W FlashCharge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0-100% ได้ในเวลา 30 นาที ซึ่งมีราคาเปิดตัวเริ่มที่ 2,499 หยวน หรือประมาณ 11,800 บาท

OPPO Reno6 Pro+ มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 870 ประกบคู่การทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM ขนาดสูงสุด 12GB และหน่วยความจำภายในความจุสูงสุด 256GB ส่วนทางด้านกล้องถ่ายภาพ มาพร้อมกับกล้องหลังจำนวน 4 ตัวเช่นเดียวกัน โดยกล้องตัวหลักใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX776 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซลแบบเดียวกันกับที่ใช้บนมือถือเรือธงอย่าง OPPO Find X3 Pro พร้อมกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 16 ล้านพกเซล, กล้อง Telephoto ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล

iQOO 7 5G สมาร์ทโฟนตัวแรงอีกรุ่นหนึ่งที่มากับชิปเซ็ต Snapdragon 870 ตัวเครื่องมีหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ มีค่า Refresh Rate สูงสุดระดับ 120Hz ภายในขับเคลื่อนด้วยชิปตัวแรงอย่าง Qualcomm Snapdragon 888 ประกบคู่กับ RAM แบบ LPDDR5 และหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4400mAh รองรับระบบชาร์จไว 66W และมีระบบระบายความร้อนแบบ VC Liquid Cooling System ที่ช่วยลดอุณภูมิของเครื่องเมื่อมีการใช้งานอย่างหนัก

สมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Snapdragon 870 ยังคงทยอยเปิดตัวออกมาอยู่เรื่อยๆ และมีหลายรุ่นที่กำลังจะเข้ามาวางขายในประเทศไทย ในอนาคตจะมีรุ่นไหนมาให้เลือกกันอีกบ้าง เราจะอัปเดตให้ทราบกันอีกครั้งครับ

Write a Comment