ชาร์จแบตมือถือ 1 เครื่องเสียค่าไฟกี่บาท ? เมื่อกระทรวงห้าม 'หมอ-พยาบาล' ชาร์จแบตมือถือในรพ.

ควรทำอย่างไรถ้าแบตเตอรี่ของโทรศัพท์เครื่องใหม่หมดเร็ว | Samsung Thailand

ขณะที่เชื่อมต่อเครือข่าย 5G โทรศัพท์ของคุณอาจใช้แบตเตอรี่มากกว่าปกติ บริการ 5G ในปัจจุบันเป็นไปตามมาตรฐาน Non-Standalone (NSA)* ซึ่งใช้ 4G (LTE) และ 5G ร่วมกัน ด้วยเหตุนี้ วงจร 5G และ 4G (LTE) จึงถูกใช้งานพร้อมกัน เพื่อการประมวลผลความเร็วสูงสำหรับข้อมูลจำนวนมาก

เนื่องจากโทรศัพท์ของคุณเชื่อมต่อหลายเครือข่ายในเวลาเดียวกัน ดังนั้นแบตเตอรี่จึงอาจหมดเร็วกว่าปกติ และโทรศัพท์ของคุณอาจร้อนกว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการเชื่อมต่อเฉพาะ 3G หรือ LTE ในการแก้ไขปัญหานี้ คุณอาจใช้ฟีเจอร์ที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของโทรศัพท์

ทำไมไม่ควรชาร์จมือถือในรถ แบตจะเสื่อมจริงเหรอ?

เพื่อน ๆ คงเคยเห็นข่าวอุบัติเหตุระเบิดหรือไฟไหม้จากการชาร์จมือถือในรถกันมาบ้างใช่ไหมครับ แม้ว่าอันตรายจากเหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่จำนวนคนที่ชาร์จมือถือในรถนั้นมีเป็นจำนวนมาก วันนี้พี่หมี GoBear จะพาไปล้วงลึกถึงสาเหตุกันก่อนว่า เหตุใดจึงไม่ควรชาร์จมือถือในรถ และหากจำเป็นจะต้องชาร์จจริงๆ ควรคำนึงถึงเรื่องใดบ้างเพื่อให้เพื่อนๆสามารถชาร์จแบตมือถือในรถได้อย่างปลอดภัยครับ

ตามปกติแล้วระบบไฟฟ้าในรถยนต์จะต้องผ่านฟิวส์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลัดวงจรขึ้นครับ หากเราชาร์จแบตจนเต็มแล้วยังไม่เอาออก หรืออุปกรณ์ชาร์จไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ฟิวส์ขาด หรือหนักกว่านั้นคืออุปกรณ์ชาร์จเกิดการหลอมละลายทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ลามไปจนถึงเกิดไฟไหม้รถได้เลยครับ

กรณีนี้ต้องแยกกันก่อนระหว่างแบตเตอรีรถยนต์ และแบตโทรศัพท์มือถือ ซึ่งก็อาจเกิดผลเสียได้กับทั้ง 2 อย่างครับ

• แต่การที่เราชาร์จแบตมือถือในรถจะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรีรถยนต์ลดลงเหลือประมาณ

• None หรือไม่ก็ที่จุดบุหรี่ในรถ หรือโทรศัพท์มือถือเพื่อฟังและดาวน์โหลดเพลง เพราะกระแสไฟฟ้าที่ถูกปล่อยผ่านที่จุดบุหรี่นั้นสามารถจ่ายไฟได้ถึง

• None ไม่ควรเปิดอุปกรณ์ในรถพร้อมกันหลายอย่างขณะที่ชาร์จมือถือในรถเพราะจะทำให้เพิ่มโอกาสที่แรงดันในรถไม่สม่ำเสมอมีสูง

เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเทคนิคการชาร์จมือถือในรถให้ปลอดภัยที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งจริงๆแล้วหากเป็นไปได้ พี่หมีแนะนำว่าเพื่อนๆควรจะพกแบตเตอรีสำรองติดกระเป๋าหรือติดตัวไว้และชาร์จผ่านแบตเตอรีสำรองแทน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรวางแบตเตอรีสำรองทิ้งไว้ในรถนะครับ เพราะโอกาสเกิดอันตรายจากการที่แบตเตอรีสำรองจะระเบิด เมื่อเราจอดรถตากแดดทิ้งไว้นานๆก็มีสูงเช่นกัน เนื่องจากสารลิเธียมในแบตเตอรี่เป็นโลหะที่ไวต่อปฏิกิริยาทางเคมี เมื่อรถเราร้อนมากๆ อาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริรยาลัดวงจรได้ครับ

และทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นกับรถของเรา เพื่อนๆควรทำประกันรถยนต์ไว้ด้วยนะครับ เพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น เรายังสามารถขอเคลมประกันรถยนต์ได้ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถ หรือรักษาความเสียหายที่เกิดขึ้นยังไงล่ะครับ

หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถ หรือ ขายรถ แล้วล่ะก็… ที่ Carsome เสนอราคาให้คุณได้ดีที่สุด! เรามีขั้นตอนการชำระเงินที่รวดเร็ว และไม่มีขั้นตอนยุ่งยากใด ๆ คลิกที่เว็บไซต์เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!

ชาร์จแบตมือถือ 1 เครื่องเสียค่าไฟกี่บาท ? เมื่อกระทรวงห้าม "หมอ-พยาบาล" ชาร์จแบตมือถือในรพ.

เป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์เมื่อปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการสั่งห้ามเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ชาร์จแบตมือถือในที่ทำงาน ซึ่งกระทบกับทั้งหมอ, พยาบาล และเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย จนเกิดการวิจารณ์กันเพียบ

แม้เราจะไม่รู็เหตุผลที่แท้จริงว่าการห้ามชาร์จแบตมือถือในโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นสถานที่ทำงานของหมอพยาบาลนั้น เกิดจากเหตุใดกันแน่ ?

แต่เราลองมาดูกันดีกว่าว่า “ค่าไฟ” ที่ต้องจ่าย ในการชาร์จแบตมือถือ 1 เครื่องนั้น มีราคากี่บาท แล้วรพ.ต้องจ่ายเงินมากน้อยแค่ไหนกับค่าไฟเหล่านี้ในแต่ละเดือน

โทรศัพท์มือถือที่เราใช้ทุกวันนี้ มีเทคโนโลยีที่ไปไกลมากโดยเฉพาะเรื่องของการประหยัดพลังงาน ซึ่งถึงแม้เราจะรู้สึกว่าชาร์จแบตมือถือเครื่องนึงใช้เวลาตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะเต็ม แต่จริงๆ แล้วกำลังไฟที่ใช้นั้น น้อยเอามากๆ

• ซึ่งค่ายังต้องมีการคำนวณความต้านทานอีกเล็กน้อย โดยขอประมาณว่าได้ที่ 11.87 Wh

• สรุปก็จะได้ค่าไฟต่อการชาร์จแบตมือถือจนเต็มหนึ่งครั้ง เท่ากับ 0.047 บาท หรือประมาณ 4-5 สตางค์ เท่านั้นเอง

ซึ่งเมื่อดูค่าไฟที่น้อยนิดต่อการชาร์จแบตมือถือแล้ว หากในโรงพยาบาลมีแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่รวมกัน 500 ราย และพร้อมใจชาร์จแบตมือถือจนเต็ม

โรงพยาบาลก็จะเสียค่าไฟฟ้าไปทั้งหมด 0.047 x 500 หรือประมาณ 24 บาทต่อวันเท่านั้นเอง ทั้งเดือนก็จะเป็นค่าไฟฟ้าเพียง 720 บาท

จะเห็นได้ว่าค่าไฟฟ้าในการชาร์จอุปกรณ์มือถือ ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายสูงอะไรมากมายเลย เคยมีการคำนวณด้วยโทรศัพท์มือถือนั้น มีค่าไฟที่ถูกกว่าโน๊ตบุ๊คถึง 14 เท่า และถูกกว่าทีวีจอใหญ่ถึง 72 เท่าด้วยซ้ำ

Write a Comment